ทรัมป์ดีเลย์ลดภาษีนำเข้า รถญี่ปุ่นเจ็บหนัก สูญ 600 ล้านต่อวัน
สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชียรายงานว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่น 7 แห่ง กำลังเผชิญความเสียหายต่อเนื่องราว 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 640 ล้านบาทต่อวัน หลังสหรัฐชะลอการปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์ตามข้อตกลงล่าสุดระหว่างสองประเทศ โดยความกังวลด้านยอดขาย ทำให้ผู้ผลิตไม่กล้าผลักภาระต้นทุนไปให้ผู้บริโภค
การประเมินของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ เช่น โตโยต้า มอเตอร์ ฮอนด้า มอเตอร์ และนิสสัน มอเตอร์ ระบุว่า ผลกระทบตลอดทั้งปีจากภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 18,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 590,000 ล้านบาท และหากไม่นับนิสสันที่ยังไม่คาดการณ์ผลประกอบการ ตัวเลขนี้จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานรวมลดลงถึง 36%
ก่อนหน้านี้ สหรัฐได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถจากญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน จาก 2.5% เป็น 27.5% และเพิ่งตกลงลดลงเหลือ 15% เมื่อเดือนที่แล้ว โดยโกลด์แมน แซคส์ ประเทศญี่ปุ่น ประเมินว่าการปรับลดดังกล่าวจะช่วยลดผลกระทบจากภาษีที่สูงลงได้ราว 1.6 ล้านล้านเยน อย่างไรก็ตามทาคากิ นากานิชิ ซีอีโอของสถาบันวิจัยนากานิชิ ระบุว่าความล่าช้าเพียง 1 เดือน จะเพิ่มภาระให้ผู้ผลิตรถยนต์สูงถึง 640 ล้านบาทต่อวัน
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นชี้ว่า ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นส่งออกรถไปสหรัฐเกือบ 1.37 ล้านคัน ทำให้สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่ง โดยผู้ผลิตที่พึ่งพาตลาดสหรัฐสูง เช่น มาสด้า และซูบารุ ได้รับผลกระทบหนัก โดยมาสด้ามียอดขายในสหรัฐคิดเป็นหนึ่งในสามของยอดขายทั่วโลก และครึ่งหนึ่งของรถที่ขายในสหรัฐนำเข้าจากญี่ปุ่น บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีงบประมาณ 2025 จะลดลง 82% เหลือเพียง 20,000 ล้านเยน
ซูบารุสร้างรายได้ราว 70% จากตลาดสหรัฐ โดยครึ่งหนึ่งของรถที่ขายในตลาดนี้นำเข้าจากญี่ปุ่น คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้า 210,000 ล้านเยนในปีงบประมาณนี้ และมีกำไรจากการดำเนินงานลดลง 51% เหลือ 200,000 ล้านเยน ขณะที่โตโยต้าประเมินว่าจะได้รับผลกระทบต่อกำไรมากที่สุด ราว 1.4 ล้านล้านเยน เนื่องจากยอดขายในสหรัฐสูงและภาระต้นทุนที่กระทบซัพพลายเออร์
ด้านมิตซูบิชิ มอเตอร์ส แม้ปรับขึ้นราคารถยนต์ในเดือนมิถุนายน แต่ยังคงขาดทุนจากการดำเนินงานในอเมริกาเหนือ 3,000 ล้านเยนในไตรมาสที่ผ่านมา โดยภาษีนำเข้ากระทบถึง 14,400 ล้านเยน