เศรษฐกิจซึม ยอดรูดบัตรเครดิต โตต่ำสุดในรอบ 12 ปี สะท้อนผู้บริโภครัดเข็มขัด
กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยตัวเลขยอดใช้จ่ายครึ่งปีแรกปี 2568 เติบโตเพียง 0.8% ต่ำสุดในรอบ 12 ปี (ไม่รวมช่วงโควิด) สัญญาณชัดเจนว่าคนไทยกำลังรัดเข็มขัดและระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
14 สิงหาคม 2568 นายอธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ และประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สภาพเศรษฐกิจปีนี้มีแนวโน้มชะลอลง เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ภาระหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ที่สูง, สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ, การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ระหว่างประเทศ เช่น นโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบการส่งออก, สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ส่งผลให้ธุรกิจบัตรเครดิตมีแนวโน้มหดตัวลง
อีกทั้งสถาบันการเงินมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อควบคุมความเสี่ยง ในขณะที่ผู้บริโภคหลายกลุ่มเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายจากความกังวลเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัว
ภาพรวมยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตครึ่งปีแรกปี 2568 ทั้งระบบอยู่ที่ 1,137,000 ล้านบาท เติบโต 0.8 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าช่วงปกติที่จะเติบโตได้ 5 -6 % ขณะที่จำนวนบัตรเครดิตใหม่ ณ มิ.ย. 2568 อยู่ที่ 26.23 ล้านบัตร ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ส่วนยอดสินเชื่อคงค้างของตลาดบัตรเครดิต ณ มิ.ย. 2568 อยู่ที่ 458,000 ล้านบาท ลดลง 2.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เมื่อสิ้นมี.ค. 2568 อยู่ที่ 2.7% อยู่ในระดับทรงตัว โดยเป็นภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นการสะท้อนกว่าลูกค้าในปัจจุบันใช้จ่ายน้อยลงและไม่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อคุมค่าใช้จ่าย
“ทั้งยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เติบโตลดลงและจำนวนบัตรใหม่ที่ติดลบ ถือเป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี ของธุรกิจบัตรเครดิต ไม่รวมตอนช่วงโควิด19 ที่ลดลงไปจากสถานการณ์เฉพาะ ซึ่งทั้งยอดใช้จ่ายที่ลดลงและจำนวนบัตรที่ไม่เติบโตในตอนนี้สะท้อนว่า ผู้บริโภครัดเข็มขัด กำเงินสด ลดค่าใช้จ่าย”
นายอธิศ ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตร 191,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% ยอดสินเชื่อใหม่ 45,400 ล้านบาท, ยอดสินเชื่อคงค้าง 136,000 ล้านบาท และยอดบัญชีลูกค้าใหม่ 273,700 บัญชี
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่ม Affluent และ Super Affluent เป็นฐานลูกค้าหลักสร้างยอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 40% ของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งหมดปรับเปลี่ยนพฤติกรรมระมัดระวังลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สอดคล้องกับกลุ่ม Mass ที่ชะลอการใช้จ่ายมากขึ้นเลือกแผนผ่อนชำระเพื่อช่วยยืดเวลาในการใช้จ่ายและบริหารสภาพคล่อง
ข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรีคอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล อันประกอบไปด้วย บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 ชี้ให้เห็นว่า
- กลุ่มรายได้สูง (Affluent & Super Affluent) ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลัก สร้างยอดใช้จ่ายผ่านบัตรกว่า 40% ของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งหมด
- ในครึ่งปีแรกของปี 2568 ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มรายได้ปานกลาง (Mass) และรายได้สูง (Affluent & Super Affluent) ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมชะลอการใช้จ่ายมากขึ้น ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ลดการใช้จ่ายในหมวดฟุ่มเฟือย เช่น สินค้าแฟชั่น, ตกแต่งบ้าน, สุขภาพและความงาม
- ผู้บริโภคหันมาเลือกผ่อนชำระมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 หมวดหลัก ได้แก่ ช้อปออนไลน์, ประกัน, ตกแต่งยานยนต์
- หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด 5 อันดับแรก เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ประกันภัย 2. ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ 3. ปั๊มน้ำมัน 4. สินค้าตกแต่งบ้าน และ 5. ช้อปออนไลน์
- หมวดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงสุด 5 อันดับแรก เรียงตามอัตราการเติบโต ได้แก่ 1. กองทุนรวม 2. แอปเดลิเวอรี 3. โซเชียลมีเดียและแอปพลิเคชัน 4. ตัวแทนท่องเที่ยว และ 5. อุปกรณ์กีฬาและฟิตเนส
“ครึ่งปีหลังกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เน้นการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาระดับผลการดำเนินงาน โดยมุ่งสร้างความเติบโตอย่างมีคุณภาพ พร้อมบริหารต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยนำการวิเคราะห์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำการตลาด ปรับกลยุทธ์การตลาดและวิธีทำโปรโมชันโดยใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรของกลุ่มบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมปรับจุดขายผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตและสินเชื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้ายิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรและขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
ด้าน นายอธิป ศิลป์พจีการ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด และประธานชมรมสินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงและภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงส่งผลให้ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้สินเชื่อมากขึ้นและต้องการลดภาระการใช้สินเชื่อในสถานการณ์ความไม่แน่นอนจึงส่งผลให้มีการใช้สินเชื่อที่ลดลง
ในขณะที่ผู้ประกอบการก็ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ควบคู่กับมาตรการการควบคุมของหน่วยงานภาครัฐ ส่งผลให้ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ลดลง จึงเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการในการปล่อยสินเชื่อในสภาพตลาดที่มีการแข่งขันสูง