CPFลั่นงบครึ่งหลังโตต่อ ไตรมาส2โชว์กำไรพุ่ง50%
#CPF #ทันหุ้น – CPF โชว์กำไรไตรมาส2 โต 50% แตะ 1.03 หมื่นล้านบาท ดันครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านบาทโต 134% เหตุ ราคาหมู-ไก่สูง แถมต้นทุนลด ลั่นไม่สะเทือนภาษีทรัมป์ คาดผลดำเนินงานครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง ด้านบอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 1 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 12 กันยายน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผย ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 บริษัทมียอดขาย 147,595 ล้านบาท ลดลง 1.3% กำไรสุทธิส่วนของบริษัททำได้ 10,377 ล้านบาท เพิ่ม 50% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ครึ่งปีแรก2568 บริษัทมียอดขาย 291,770 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 18,925.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 134% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานจากการดำเนินธุรกิจและการค้าในต่างประเทศ กิจการต่างประเทศคิดเป็น 62% การส่งออกคิดเป็น 5% และการค้าในประเทศไทยคิดเป็น 33%
@ราคาขายไก่-หมูสูง
โดยบริษัทมีการลงทุนและร่วมลงทุนในอีก 16 ประเทศ และส่งออกสินค้าอาหารในอีกมากกว่า 50 ประเทศ หากพิจารณายอดขายของทุกประเทศในสกุลเงินตราท้องถิ่นแล้ว ยอดขายของบริษัทมีการเติบโตประมาณ 6% จากปีก่อน ในงบการเงินได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้มีการรายงานยอดขายที่ลดลงประมาณ 1% จากการแปลงค่าเงิน
สำหรับกำไรสุทธิที่ดีมาจากราคาเฉลี่ยเนื้อสัตว์ทั้งไก่และสุกรในหลายประเทศอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงครึ่งปีแรกของปีที่แล้ว เป็นผลจากปริมาณเนื้อสัตว์ในหลายประเทศมีจำนวนน้อยลง จากการเกิดภาวะโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นโรคไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นมากกว่า 40 ประเทศ และโรคอหิวาห์สุกร หรือ ASF ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนั้น ในปีนี้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา รวมทั้ง การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล ทำให้ในภาพรวมบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำลงจากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม CPF ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยในการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าอาหารคุณภาพปลอดภัย และมีโภชนาการอาหารที่ดีให้กับผู้บริโภค จึงให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรนวัตกรรมรอบด้าน รวมถึงระบบการป้องกันโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทสามารถบริหารจัดการบริหารความเสี่ยงจากโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ได้ดี
@ครึ่งปีหลังดีต่อ
นายประสิทธิ์ กล่าวถึง ผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2568 คาดว่าจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของภาษีทรัมป์นั้น บริษัทมีการส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐอเมริกาไม่ถึง 0.1% ของยอดขาย โดยบริษัทมีโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว และมีแผนงานที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการดำเนินงานของกิจการในต่างประเทศของซีพีเอฟ ที่เป็นรูปแบบ localization หรือ ผลิตในประเทศ และจำหน่ายในประเทศนั้นเป็นหลัก
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 1 กันยายน 2568 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 กันยายนนี้