"ธี่หยด" ยกระดับสู่ Global Entertainment สร้างบ้านผีสิงที่ USS
ความสำเร็จของภาพยนตร์ “ธี่หยด” เป็นมากกว่าปรากฏการณ์ในประเทศ เพราะนี่คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าหนังไทยสามารถต่อยอดสู่ธุรกิจบันเทิงระดับโลกได้อย่างไร ด้วยรายได้ในประเทศกว่า 1,300 ล้านบาท และการขายลิขสิทธิ์ไปกว่า 30 ประเทศทั่วโลก “ธี่หยด” ได้กลายเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์สยองขวัญที่ทรงอิทธิพล และล่าสุดกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Universal Studios Singapore
จากจอภาพยนตร์สู่บ้านผีสิงระดับโลก
M STUDIO และ ช่อง 3 ได้จับมือกับ Resort World Sentosa Singapore และ Universal Studios Singapore เพื่อสร้าง “บ้านผีสิงธี่หยด” ในเทศกาล Halloween Horror Nights ครั้งที่ 13 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์ไทยได้รับเกียรตินำมาสร้างเป็นบ้านผีสิงในธีมพาร์กระดับโลก ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแฟรนไชส์ แต่ยังเป็นการยกระดับประสบการณ์ความสยองขวัญแบบไทยให้เข้าถึงผู้ชมจากทั่วโลกในรูปแบบ Immersive Experience ที่สมจริงยิ่งขึ้น
นายสุรเชษฐ์ อัศวเรืองอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร M STUDIO กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ด้วยความภาคภูมิใจว่า “เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Universal Studios Singapore เล็งเห็นถึงศักยภาพของหนังไทย และเลือก ‘ธี่หยด’ เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บ้านผีสิงระดับโลก ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องผีของไทยสามารถเชื่อมโยงและสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้ชมจากนานาชาติได้”
การร่วมมือครั้งนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อโปรโมทภาพยนตร์ “ธี่หยด 3” ที่จะเข้าฉายในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถือเป็นการสร้างกระแสและขยายฐานแฟนคลับในระดับโลกไปพร้อมกัน
โอกาสใหม่สำหรับ Soft Power ไทย
การที่ Universal Studios Singapore (USS) ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสยองขวัญแบบเอเชีย ตัดสินใจเลือก “ธี่หยด” มาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Halloween Horror Nights แสดงให้เห็นว่า “เรื่องเล่า” และ “วัฒนธรรมผีไทย” มีศักยภาพในการเป็น Soft Power ที่ทรงพลัง
มาร์คัม แกนนอน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบันเทิง รีสอร์ต เวิลด์ เซ็นโตซา กล่าวว่า “เทศกาลของเราจะไม่สมบูรณ์หากขาดความสยองขวัญแบบเอเชีย และการร่วมมือกับ M STUDIO และภาพยนตร์ธี่หยดเป็นการนำพลังของหนังสยองขวัญไทยมาถ่ายทอดอย่างเต็มที่”
ความสำเร็จของ “ธี่หยด” จึงเป็นต้นแบบที่สำคัญของการพัฒนา Intellectual Property (IP) ของไทย ให้สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่รายได้จากตั๋วภาพยนตร์ แต่ยังรวมถึงการขยายไปในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ซึ่งเปิดโอกาสให้หนังไทยก้าวสู่เวที Global Entertainment Experience ได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน