ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน จากความไม่แน่นอนเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ปิดตลาดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ หลังจากทำสถิติสูงสุดระหว่างวัน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาหุ้น UnitedHealth ที่พุ่งขึ้น ภายหลังบริษัท Berkshire Hathaway เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น ขณะที่ดัชนีหุ้นสำคัญอื่นของวอลล์สตรีทปรับตัวลดลง เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาแบบผสมผสานเพิ่มความไม่แน่นอนต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินครั้งถัดไปของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ตลาดยังจับตาการพบปะระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งจัดขึ้นที่รัฐอะแลสกาในช่วงบ่ายวันศุกร์ โดยนักลงทุนคาดหวังว่าการเจรจาอาจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในยูเครน และส่งผลต่อแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ
เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา พร้อมระบุว่ามาตรการภาษีนำเข้าอาจเพิ่มแรงกดดันด้านราคา อย่างไรก็ตาม ความอ่อนแอในตลาดแรงงานล่าสุด และสัญญาณว่าเงินเฟ้อจากมาตรการภาษียังไม่ปรากฏในดัชนีราคาผู้บริโภค ทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าเฟดอาจมีท่าทีผ่อนคลายทางการเงินในเดือนหน้า
ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดชี้ว่า ยอดค้าปลีกในเดือนกรกฎาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นตามคาด แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการผลิตภาคอุตสาหกรรมส่งสัญญาณว่าผลกระทบจากมาตรการภาษีกำลังฉุดรั้งบางภาคส่วนของเศรษฐกิจ
ในปีนี้ หุ้น UnitedHealth ร่วงลงแล้วราว 40% และต้นทุนในภาคสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้นทำให้ดาวโจนส์ตามหลังดัชนีสำคัญอื่น ๆ ของวอลล์สตรีท อย่างไรก็ตาม ในวันศุกร์ ดัชนีภาคสาธารณสุขปรับขึ้น 1.65% ทำผลงานรายสัปดาห์ดีที่สุดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565
ผลปิดตลาดวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 34.86 จุด หรือ 0.08% ปิดที่ 44,946.12 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 18.74 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,449.80 จุด และดัชนี Nasdaq Composite ลดลง 87.69 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 21,622.98 จุด
โดยรวมแล้ว ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน หนุนโดยความคาดหวังว่าเฟดอาจกลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ด้วยการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนกันยายน
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเกือบ 1 ดอลลาร์ในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนรอความชัดเจนจากการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐและรัสเซีย ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจากสงครามยูเครน
น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบล่วงหน้าลดลง 99 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 65.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ลดลง 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 62.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาทองคำทรงตัวในวันศุกร์ แต่มีแนวโน้มปิดสัปดาห์ในแดนลบ หลังข้อมูลเงินเฟ้อสูงกว่าคาดทำให้โอกาสการลดดอกเบี้ยน้อยลง และตลาดหันไปให้ความสนใจกับการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐและรัสเซีย
โดยทองสปอตทรงตัวที่ 3,336.66 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 1.8% ในรอบสัปดาห์
ขณะที่ทองคำล่วงหน้าสหรัฐปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลงที่ 3,382.6 ดอลลาร์ต่อออนซ์