ช่วยเหลือกองทัพไทย ยามที่ประเทศชาติต้องการ
คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจากผลการหยั่งเสียงของ “นิด้าโพล”ที่ทำการสำรวจถึงความคิดเห็นของพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศได้ออกมาเปิดเผยให้เห็นล่าสุดว่า ขณะนี้ประชาชนไม่ต้องการรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย แล้ว แถมความไว้วางใจที่คนไทยมีต่อรัฐบาลกำลังตกต่ำแบบสุดๆเหลืออยู่แค่ 4.66% อีกทั้งความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อกระทรวงการต่างประเทศก็เหลืออยู่แค่เพียง 4.89% เท่านั้น
แต่ในทางตรงกันข้ามขณะนี้พี่น้องชาวไทยของเรามอบความไว้วางใจให้แก่ทหารในกองทัพมากถึง 75.73% เลยทีเดียว
และจากกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกมาหนาหูว่า “อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของสาเหตุที่ทำให้เกิดสงครามระหว่างประเทศไทยของเรา กับประเทศกัมพูชาจนเป็นเหตุทำให้พี่น้องชาวไทยและทหารของเราต้องเสียชีวิตลงจากการลอบโจมตีของกัมพูชา
โดยจะเห็นได้ว่าขณะนี้ประชาชนชาวไทยกำลังช่วยกันผนึกพลังหนุนทหารอย่างเต็มที่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเพราะนั่นคืออุปนิสัยประจำตัวของพี่น้องชาวไทยที่จะไม่ยอมทิ้งกันในยามที่ประเทศชาติเกิดวิกฤต!!!
แม้กระทั่งในนครลอสแอนเจลิสที่ผมไปเติบโตอยู่ที่นั่นตั้งแต่เยาว์วัย โดยขณะนี้ผมเดินทางมาปฏิบัติภารกิจอยู่เป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว โดยผมก็มีความรู้สึกและสัมผัสได้ว่า คนไทยส่วนใหญ่ที่พำนักอาศัยอยู่ก็มีความรู้สึกเบื่อหน่ายต่อรัฐบาลชุดนี้ด้วยเช่นกัน
หากจะลองทำการวิเคราะห์กันดูแล้ว ผมเล็งเห็นว่า ที่ผ่านๆมาตระกูลชินวัตรสร้างความเสี่ยงกับสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านๆมาก็มีข่าวแพร่ออกมาว่า อดีตนายกฯทักษิณ เข้าไปมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับอดีตนายกฯฮุน เซน อย่างมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวกับพลังงานปิโตรเลียม ที่ เกาะกูด จังหวัดตราด ที่มีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านบาท (ข้อมูลอ้างอิง: เกาะกูด: พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 20 ธันวาคม 2024; สรุปทุกประเด็น MOU 44 5 พฤศจิกายน 2024)
สำหรับความรักชาติจากประชาชนชาวไทยนั้น การบริจาคเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์สงครามให้กับกองทัพไทยนั้น เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะกรณีของ “อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต และ “ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน”ได้ทุ่มเททั้งเวลาและสติปัญญาระดมทุนจัดซื้อ “โดรนทางการทหาร”แบบทิ้งระเบิดได้ ซึ่งราคาตกประมาณตัวละ 2 ล้านบาท โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ “พลโท บุญสิน พาดกลาง”แม่ทัพภาค 2 เกี่ยวกับยุทโธปกรณ์นี้
โดยที่ผ่านมามูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินส่งมอบโดรนให้แก่กองทัพไปแล้วเป็นจำนวนมาก โดยอาจารย์ปานเทพได้ออกมาแถลงเป็นประจำว่า “เงินบริจาคทุกบาททุกสตางค์ที่พี่น้องชาวไทยร่วมใจกันนั้น ได้นำเอาไปใช้ตามเป้าหมายและอย่างโปร่งใส”
หากดูพื้นฐานการศึกษาและประสบการณ์ของอาจารย์ปานเทพแล้ว นับได้ว่ามิใช่เป็นแค่นักวิชาการธรรมดาๆ เพราะท่านจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี และ ในระดับปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก
นอกจากนั้นแล้วอาจารย์ปานเทพยังเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ โดยท่านยังมีความเชี่ยวชาญทางด้านการเงิน การก่อสร้างและการบริหารจัดการอีกด้วย
จากความน่าเชื่อถือในการทำงานที่เต็มไปด้วยจิตอาสาของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน มีผลปรากฏว่า เมื่อใดก็ตามที่อาจารย์ปานเทพ ออกมาประกาศขอให้พี่น้องชาวไทยช่วยกันบริจาคเงินไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม ประชาชนชาวไทยก็จะตอบสนองด้วยความเต็มใจแบบปราศจากข้อสงสัยในทันที
นอกจากนั้นแล้วอาจารย์ปานเทพยังได้กล่าวแถลงว่า คนไทยรุ่นใหม่มีความเก่งในการสร้างโดรน และเครื่องแอนตี้โดรน (ซึ่งเป็นระบบต่อต้านโดรนที่ออกแบบมาเพื่อตรวจจับและสกัดกั้นการทำงานของโดรน) อย่างที่มีคุณภาพดีกว่าโดรนที่ซื้อมาจากต่างประเทศด้วยซ้ำไป
และหากท่านใดต้องการจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการจัดหาซื้อโดรน ที่ผลิตในประเทศไทยส่งไปให้กับกองทัพในการปกป้องประเทศชาติ โปรดบริจาคเงินเข้าไปที่
บัญชีของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
ธนาคารกสิกรไทย สาขาบางลำพู
เลขที่บัญชี 008-2-18199-9
ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับการตอบโต้การโฆษณาชวนเชื่อของกัมพูชานั้น นับเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกๆคนที่จะต้องช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติตามความเหมาะสม และบุคคลที่ขณะนี้สังคมไทยต่างออกมาให้ความยกย่องชื่นชมก็คือ “ดร.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” อดีตนางสาวไทย นักแสดง นักร้อง พิธีกร ที่เธอได้รับการแต่งตั้งให้รับหน้าที่เป็น “โฆษกจิตอาสาของศูนย์เฉพาะกิจบริหาร สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา”หรือเรียกย่อๆว่า ศบ.ทก.
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นที่ผ่านๆมาในความเป็นจริงที่รู้กันเป็นอย่างดีว่า จิตสำนึกในความเป็นไทยของพี่น้องชาวไทยทุกๆคนยามที่ประเทศชาตกำลังเกิดวิกฤติก็คือ “คนไทยไม่เคยแล้งน้ำใจ”ดังจะเห็นได้ว่า ขณะนี้พี่น้องของเรากำลังระดมทั้งอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ และยุทโธปกรณ์ทางทหาร ที่จำเป็นส่งไปช่วยเหลือทหารทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อส่งเป็นขวัญและกำลังใจให้แก่พี่ น้อง ลูก หลาน ทหารหาญของเราป้องกันประเทศชาติที่รักของเราละครับ