อย่าไว้ใจ ‘เขมร’
อย่าไว้ใจ 'เขมร'
ทุกวันนี้มีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี
เพราะแทบไม่มีอะไรชัดเจนออกมาจากปากรัฐบาลเลย
ดูกรณีรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสายเป็นตัวอย่าง เป็นโรคเลื่อนไปเรียบร้อย
ไปว่ากันอีกทีโน้นเลย ๑๕ พฤศจิกายน
เหตุผลที่เลื่อน ฟังแล้วช่างไร้สาระจริงๆ
ในเมื่อรัฐบาลประกาศว่า ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสายจะเริ่มวันที่ ๑ ตุลาคม ก็เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
แต่…พูดไปเรื่อยเหมือนปากไม่มีหูรูด สักแต่พูด โดยไม่เตรียมการอะไรให้พร้อมสำหรับการเริ่มต้นในวันที่ ๑ ตุลาคมเลย
มันติดอะไร?
กฎหมายครับ!
“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เพิ่งจะบอกกับประชาชนว่า ติดขัดเนื่องจากต้องรอการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. (พ.ร.บ.ตั๋วร่วม) และ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ (พ.ร.บ.รฟม.)
สถานะของร่างกฎหมาย ณ ขณะนี้ ทั้ง ๒ ฉบับผ่านการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ ๑ แล้ว
แต่ยังรอการพิจารณาในวาระที่ ๒ และ ๓
รวมถึงการพิจารณาของ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ด้วย
แบบนี้ต้องโทษใครครับ
กระบวนการออกกฎหมาย มีเวลาค่อนข้างชัดเจนว่าต้องใช้เวลากี่วัน แล้วรัฐบาลไม่คิดกันแต่แรกหรือว่า กฎหมายควรจะเสร็จเวลาไหน แล้วรัฐบาลต้องเริ่ม โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสายเมื่อไหร่
รัฐบาลมีเสียงข้างมากในมืออยู่แล้ว กลับกำหนดอะไรให้ชัดเจนไม่ได้
แต่เรื่องนี้เด็กๆ ไปเลยเมื่อเทียบกับ ความขัดแย้งที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
ตั้งแต่เริ่มมีความขัดแย้งจนถึงวันนี้ รัฐบาลตามหลังกองทัพอยู่หลายก้าวเสมอ
เหมือนเมาหมัดจากความสัมพันธ์อันซับซ้อนของ “ทักษิณ-ฮุน เซน” ไม่หาย
ล่าสุด ผู้บัญชาการทหารสูงสุด "พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี" ประกาศสร้างรั้วสร้างกำแพงแล้ว
"…กองทัพบกกำลังพิจารณาและนำไปปฏิบัติ ทั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ ๑ และกองทัพภาคที่ ๒ โดยเมื่อวานนี้ ได้ให้เสนาธิการลงไปในพื้นที่ ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว และสื่อสารออกมาอย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงนั้นคือดินแดนของไทย
จะต้องมีการสร้างกำแพงที่แข็งแรง เพื่อปกป้องประชาชนและปกป้องการรุกรานจากฝ่ายตรงข้าม ยืนยันว่าผมจะสนับสนุนทุกการกระทำของกองทัพบกอย่างแน่นอน…"
เรื่องนี้ถ้าไปถามรัฐบาล ใบ้กินครับ แทบไม่มีนโยบายอะไรที่ชัดเจนออกมาเลย
แต่การสร้างกำแพง ทำได้ไม่ตลอดแนวหรอกครับ เพราะหากไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดว่าเส้นอยู่ตรงไหน ก็ยังมีปัญหาอยู่ดี ฉะนั้นสร้างได้เฉพาะจุดที่ชัดเจนแล้วว่าเส้นแบ่งประเทศอยู่ตรงไหน
แต่มีเรื่องด่วนกว่าสร้างกำแพงคือ เรื่องกับระเบิด!
ปล่อยให้ทหารไทยต้องมีความเสี่ยงกับทุ่นระเบิดไม่ได้อีกแล้ว
จะหวังพึ่งรัฐบาลให้ขึงขังเรื่องนี้ก็ดูจะยาก เพราะทุกอย่างดูช้าไปหมด
ราวกับว่าไทยไม่สามารถจัดการเขมรกับเรื่องการวางทุ่นระเบิดได้เลย
เหมือนเรายอมให้ทหารไทยเหยียบกับระเบิดไปเรื่อยๆ โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศทำได้แค่ฟ้องชาวโลกว่าเขมรทำอะไร
แต่ไม่สามารถทำอะไรมากกว่านั้นได้
ไม่มีมาตรการขั้นเด็ดขาดอะไรเลย
การหยุดยิงก็เรื่องหนึ่ง
แต่การตอบโต้จากการใช้ทุ่นระเบิดมันต้องมีให้เห็นบ้าง!
ก็ทั้งๆ ที่รู้อยู่ว่าทหารเขมรมันวางทุ่นระเบิดใหม่แทบทุกวัน
ทหารไทยเหยียบแล้วเหยียบอีก
ล่าสุดวานนี้ (๒๗ สิงหาคม) โดนไปอีก ๑ นาย คือ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ ๑ กรมทหารราบที่ ๒๓
ถึงเวลาแล้วครับที่ต้องประกาศจัดการกับทุ่นระเบิด ไทยมีความชอบธรรมที่จะจัดการกับเรื่องนี้ ไม่ว่าพื้นที่นั้นจะเป็นพื้นที่ข้อพิพาทหรือไม่
ใครขวางให้ถือว่ามันเป็นคนวาง
ครับ…วานนี้ มีคำแถลงข่าวร่วม การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ ๒ ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ ๒ ราชอาณาจักรกัมพูชา
หลายข้อบอกตรงๆ เชื่อใจเขมรไม่ได้เลย เช่น
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำรงการสื่อสารตามปกติระหว่างกองทัพภาค ภูมิภาคทหาร และหน่วยต่างๆ ตามแนวชายแดน ของทั้งสองฝ่าย และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขทุกปัญหาด้วยสันติวิธีและหลีกเลี่ยงการปะทะ ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญ ของการเพิ่มการสื่อสารในทุกระดับเพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจ และส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี
ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นที่จะงดเว้นจากการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอม เพื่อลดความตึงเครียด บรรเทาความรู้สึกในเชิงลบของสาธารณชน และมุ่งแสวงหามาตรการที่ปฏิบัติได้จริงเพื่อส่งเสริมบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะไม่ขยายขอบเขตและระดับของความขัดแย้ง ซึ่งรวมถึงกิจกรรมที่เป็นการยั่วยุไม่ว่าจะโดยฝ่ายทหารหรือฝ่ายพลเรือน อันอาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น เช่น คำปราศรัยที่ปลุกปั่น และกิจกรรมทางทหารที่รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่าย ภายหลังการหยุดยิงเมื่อเวลา ๒๔.๐๐ น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘
ทั้งสองฝ่ายย้ำถึงความสำคัญของการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และเห็นชอบให้เสนอเรื่องนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เข้าสู่การประชุม GBC ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน
ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความตั้งใจที่จะให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกันในการปราบปรามและป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการดำเนินการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (การหลอกลวงออนไลน์) การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การลักลอบค้าอาวุธ และกิจกรรมอาชญากรรมข้ามแดนอื่นๆ โดยจะร่วมกันแสวงหามาตรการที่เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริงผ่านกรอบความร่วมมือที่มีอยู่แล้ว ประเด็นเหล่านี้ ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ควรได้รับการพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกัน
ทั้งหมดนี้แทบไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
เพราะทั้งหมดคือสิ่งที่เขมรทำตรงข้าม
ข่าวปลอม
ทุ่นระเบิด
เอาชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด ค้ามนุษย์
เขมรทำมาหมดแล้ว กำลังทำอยู่ และจะทำต่อไป.