สู้กับมะเร็งต้องใช้เงินกี่บาท สิทธิรัฐช่วยแค่ไหน และเอกชนคิดเท่าไร
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 230 คนต่อวัน ค่ารักษาพุ่งตั้งแต่หลักแสนถึงหลายล้านบาท ระบบสิทธิสุขภาพทั้งบัตรทอง ประกันสังคม และสิทธิข้าราชการช่วยได้แค่ไหน เอกชนมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และสถิติมะเร็งไทยล่าสุดบอกอะไรกับสังคม
มะเร็งกับภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
มะเร็ง เป็นโรคร้ายที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดติดต่อกันกว่า 20 ปี โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 140,000 คน และเสียชีวิตกว่า 84,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 230 คน การรักษามะเร็งไม่เพียงแต่ต้องใช้เวลาและความเข้มข้นทางการแพทย์สูง แต่ยังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่อาจสูงเกินกว่าครัวเรือนทั่วไปจะรับได้
ข้อมูลจากโรงพยาบาลรัฐระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งด้วยรังสีอยู่ที่ 80,000–200,000 บาทต่อชุด ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาสูงขึ้น 2.5–7 เท่า เช่น การรักษามะเร็งเต้านมแบบ 3 มิติ ในโรงพยาบาลรัฐมีค่าใช้จ่ายประมาณ 84,500 บาท แต่ในเอกชนอาจสูงถึง 253,500 บาท
การให้เคมีบำบัดมีค่าใช้จ่าย 50,000–100,000 บาทต่อรอบ และผู้ป่วยหลายรายต้องทำต่อเนื่อง 6–8 รอบต่อกระบวนการรักษา ส่วนยามุ่งเป้าและยาภูมิคุ้มกันบำบัด แม้จะเป็นความหวังใหม่ แต่กลับมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 50,000–300,000 บาท และเมื่อรวมตลอดการรักษาอาจสูงถึง 8.5 ล้านบาท สำหรับภูมิคุ้มกันบำบัดบางกรณี ค่าใช้จ่ายรวมอาจสูงถึง 15 ล้านบาท
สิทธิรักษามะเร็งในไทย
ประเทศไทยมีระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมประชาชนส่วนใหญ่ แต่ความแตกต่างระหว่างสิทธิยังคงมีอยู่
- บัตรทอง ครอบคลุมประชาชน 75% สามารถรักษามะเร็งได้ทุกชนิดผ่านโครงการ Cancer Anywhere โดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว และยังเบิกค่ายานอกสิทธิได้ 50,000 บาทต่อปี
- ประกันสังคม ครอบคลุม 15% ของประชากร แต่จำกัดการรักษาฟรีเพียง 21 ชนิดมะเร็ง หากอยู่นอกบัญชีสิทธิ จะเบิกค่าเคมีบำบัดได้เพียง 5,000 บาทต่อครั้ง
- สิทธิข้าราชการ ครอบคลุม 5% ของประชากร สามารถรักษามะเร็งฟรีทุกชนิดทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน แต่มีข้อจำกัดวงเงินหากเลือกเอกชน
แม้สิทธิขั้นพื้นฐานช่วยให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ต้องจ่ายเงินเอง แต่การเข้าถึงยารุ่นใหม่ เช่น Targeted therapy และ Immunotherapy ยังคงเป็นช่องว่างสำคัญ เพราะอยู่นอกระบบสิทธิ ส่งผลให้ผู้ป่วยจำนวนมากต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเอง
สถิติมะเร็งในไทย ?
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติปี 2567 ชี้ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญภาระโรคมะเร็งที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยรายใหม่กว่า 139,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 381 คน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 84,000 คนต่อปี หรือวันละกว่า 230 คน ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันว่า มะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของคนไทยติดต่อกันตั้งแต่ปี 2543 และยังไม่มีแนวโน้มลดลง
มะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก สำหรับเพศชาย พบมะเร็งตับและท่อน้ำดีมากที่สุด รองลงมาคือมะเร็งปอดและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนเพศหญิงพบมะเร็งเต้านมสูงสุด ตามด้วยมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่ ความแตกต่างนี้เกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านชีววิทยา พฤติกรรมสุขภาพ และการเข้าถึงบริการตรวจคัดกรองของแต่ละกลุ่มเพศ
เมื่อพิจารณาอัตราการรอดชีวิต ตัวเลขยังน่ากังวล เช่น มะเร็งปอดมีโอกาสรอดชีวิต 5 ปีเพียง 10.2% ส่วนมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 เหลือเพียง 6.4% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในประเทศพัฒนาแล้ว ปัญหาสำคัญคือผู้ป่วยกว่า 60% ถูกวินิจฉัยในระยะท้ายของโรค ทำให้โอกาสรักษาให้หายขาดลดลงอย่างมาก และค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงขึ้นตามความซับซ้อนของกระบวนการทางการแพทย์
มะเร็งกับความล้มสลายทางการเงิน?
โรคมะเร็งก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายที่สูงจนหลายครอบครัวต้องเผชิญวิกฤติทางการเงิน ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า ครัวเรือนไทยใช้จ่ายด้านสุขภาพเฉลี่ยเพียง 6–8% ของรายได้ แต่สำหรับครอบครัวผู้ป่วยมะเร็ง ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นเป็นกว่า 25–40% โดยเฉพาะกรณีที่ต้องซื้อยานอกบัญชียาหลัก ส่งผลให้เงินออมหมดลงอย่างรวดเร็วและหลายครอบครัวต้องกู้หนี้เพื่อรักษา งานวิจัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชี้ว่า มากกว่า 30% ของครัวเรือนผู้ป่วยมะเร็งเข้าสู่ภาวะหนี้สิน และประมาณ 1 ใน 10 ตกอยู่ในสภาวะ “ล้มละลายทางการแพทย์”
ในระดับประเทศ มะเร็งสร้างภาระทางเศรษฐกิจที่กว้างกว่าการรักษาโดยตรง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประเมินว่าปัจจัยเสี่ยงอย่างการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียวก็ก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 160,000 ล้านบาทต่อปี หรือราว 1% ของ GDP เมื่อรวมเข้ากับการสูญเสียแรงงานวัยทำงานซึ่งคิดเป็นกว่า 40% ของผู้ป่วยมะเร็งไทย ผลลัพธ์คือการสูญเสียผลิตภาพ รายได้ครัวเรือน และรายได้ภาษีของรัฐในวงกว้าง ภาระดังกล่าวทำให้โรคมะเร็งไม่ใช่เพียงปัญหาสุขภาพ แต่เป็นโจทย์ใหญ่ทางเศรษฐกิจที่ประเทศต้องเร่งจัดการ
โรคมะเร็งในไทยไม่เพียงเป็นปัญหาสาธารณสุข แต่ยังเป็นโจทย์ทางเศรษฐกิจและสังคม ค่าใช้จ่ายที่สูงอาจทำให้ครอบครัวตกอยู่ในความยากลำบาก แม้ระบบบัตรทองและประกันสังคมจะช่วยให้คนส่วนใหญ่เข้าถึงการรักษาฟรี แต่ยาสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงยังอยู่นอกสิทธิ การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะต้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการลดทั้งค่าใช้จ่ายและความสูญเสียชีวิต
+อ้างอิง +
- กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. “กรมการแพทย์เผยคนไทยป่วยมะเร็งรายใหม่ปีละ 1.4 แสนคน เสียชีวิต 8.3 หมื่นคน.” Hfocus, 5 กุมภาพันธ์ 2567. https://www.hfocus.org/content/2024/02/29679
- กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. “ไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 140,000 คนต่อปี สธ.ชี้การรักษาแบบ…” Hfocus, 18 ตุลาคม 2567. https://www.hfocus.org/content/2024/10/31995
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. “Cancer Registry.” https://www.nci.go.th/th/cancer_record/cancer_rec1.html
- สถาบันมะเร็งแห่งชาติ. “รายงานประจำปี 2562.” PDF
- สำนักงานสถิติแห่งชาติ. “Report on Gender Statistic 2023.” 4 สิงหาคม 2567. https://www.nso.go.th/public/e-book/Analytical-Reports/Report_Gender_2023/61/
แหล่งข้อมูลการวิจัยและวิชาการ
- วารสารแพทย์ศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. “อัตรารอดชีพของผู้ป่วยมะเร็งปอดหลังการวินิจฉัย.” https://thaidj.org/index.php/smnj/article/view/9723/8695
- Journal of Chulabhorn Royal Academy. “สถิติมะเร็งและระบบทะเบียนมะเร็งในประเทศไทย.” PDF
- โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง. “แนวโน้ม อุบัติการณ์ และ อัตราตาย โรคมะเร็ง.” PDF
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น. “ระบาดวิทยาโรคมะเร็งในประชากรผู้สูงอายุภาคเหนือตอนบน.” PDF
- วารสารโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช. “การเปรียบเทียบอัตราการรอดชีพของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง.” 27 ธันวาคม 2567. https://he02.tci-thaijo.org/index.php/reg45/article/view/272880
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ญี่ปุ่นค้นพบ “ยาแก้ปวด” ตัวใหม่ ไม่ทำให้เสพติด ลดอาการปวดรุนแรง
- นักวิทย์เกาหลีใต้ ทดลองเปลี่ยนเซลล์มะเร็ง กลับเป็นเซลล์ปกติสำเร็จ
- มะเร็งเต้านม ผู้ชายก็เป็นได้ แม้โอกาสเจอน้อยกว่าผู้หญิง
- รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เปิดตัวนวัตกรรม "สายสวนลากลิ่มเลือดฯ" พัฒนาโดยทีมแพทย์ไทย ช่วยผู้ป่วยบัตรทอง
- บอร์ด สปสช. ไฟเขียว 2.6 แสนล้าน เพิ่มสิทธิประโยชน์บัตรทอง ล้างไต-เพิ่มเทคโนโลยีAI