“วีระ สมความคิด”ลงพื้นที่โคกสูงช่วยเป็นปากเสียงแทนชาวบ้านหนองจาน พร้อมบุกพิสูจน์จุดที่โดนเขมรจับและหลักเขตแดนที่ 46

สระแก้ว – นายวีระ สมความคิด นักต่อสู้และเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อช่วยเป็นปากเสียงแทนชาวบ้านหนองจาน กรณีการออกเอกสารสิทธิ์ พร้อมบุกพิสูจน์จุดที่โดนเขมรจับตัวเมื่อ 15 ปีก่อน ซึ่งอยู่ในประเทศไทย และหลักเขตแดนที่ 46 เมื่อวันที่ 25 ส.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ได้เดินทางมาที่หอประชุมอำเภอโคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อมาดูข้อเท็จจริงด้วยตัวเองกรณีที่ผู้ว่าฯ ประกาศให้ชาวบ้านมาลงทะเบียนเพื่อออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่หนองจาน และชี้แจงกรณีกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยไทย โดยนายวีระ กล่าวว่า ได้ฟังข้อเท็จจริงทั้งหมด กรณีวันนั้นที่มีปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากผู้ว่าฯ ไม่ได้เน้นพื้นที่สามเหลี่ยมสีฟ้าอย่างชัดเจน คนทั้งประเทศจึงเข้าใจผิดว่า พื้นที่บ้านหนองจานทั้งหมดไม่มีเอกสารสิทธิ์ แล้วผู้ว่าฯ สระแก้ว ไม่ได้อธิบายหรือชี้แจงอย่างละเอียดว่า พื้นที่หมายเลข 2 ที่ผู้ว่าฯ สระแก้วยืนยันว่า ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และผู้ว่าฯ กำหนดว่า “เอกสารสิทธิ์” ซึ่งในความเข้าใจของผู้ว่าฯ ต้องมีโฉนดเท่านั้น แต่ในความเข้าใจของชาวบ้าน เข้าใจว่า พื้นที่ทั้งหมดมีเอกสารสิทธิ์ นส.3 นส.2 และ สค.1 ซึ่งเขาเข้าใจว่า เขาก็มีสิทธิ เพราะไม่เช่นนั้นทางราชการคงไม่ออกหนังสือรับรองให้เข้าไปทำประโยชน์

นอกจากนั้น นายวีระ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อได้ฟังทาง พ.อ.ชัยณรงค์ กาสี ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) และ ผบ.ฉก.อรัญประเทศ ที่บอกว่า มีพื้นที่ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ทับซ้อนเข้ามาในประเทศไทย ผู้ว่าฯ และทหาร บอกว่า พื้นที่ล้อมลวดหนามถึงถนนศรีเพ็ญเป็นพื้นที่ของไทย และอธิปไตยของไทย ตนจึงมีคำถามว่า เมื่อปี 2553 นายฐิติพัทธ์ เสมาทอง อดีตนายกเทศมนตรีบ้านใหม่หนองไทร ผู้ร้องเรียน ได้พาตนลงมาที่ถนนศรีเพ็ญ พอเดินลงมาเล็กน้อย ทางกัมพูชาจับกุมตนพร้อมคนไทย 5 คน กัมพูชาเอาสิทธิ์อะไรมาจับ อีกครั้งหนึ่งในปีเดียวกัน นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ พาตนไปดูหลักเขตแดนที่ 46 เมื่อเดินมาที่ถนนลูกรัง ถูกกัมพูชาจับกุมพร้อมคนไทย 7 คน ตนถูกจับได้อย่างไร ทั้งที่ยังไม่ถึงหลักเขตแดนที่ 46 และยังไม่ถึงเส้นเขตแดน ทหารไทย รัฐบาลไทยปล่อยให้กัมพูชามาจับ 7 คนไทย พิพากษาลงโทษ ที่ศาลกรุงพนมเปญได้อย่างไร

นายวีระ ยังอธิบายอีกว่า “และที่กล่าวว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นอธิปไตยของไทย ชาวบ้านสามารถเข้ามาทำนาได้ ก็เพิ่งมาพูดวันนี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินได้เลย เพราะลงไปทางกัมพูชาห้ามหมด ส่วนพื้นที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ บอกว่า พื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่ป่าไม้ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ก็อยากจะถามว่า ตั้งแต่ชาวเขมรเข้ามาอยู่ตั้งแต่ปี 2518 หลังจากที่มีการยกเลิกศูนย์อพยพฯ ในปี 2528 ทำไมป่าไม้ปล่อยให้เขมรมันอยู่ ทำไมไม่ใช้อำนาจของป่าไม้ ดำเนินคดีกับชาวเขมร ต่อมาในปี 2532 กองทัพภาคที่ 1 มาทำเรื่องขอใช้พื้นที่ป่าไม้ อ้างว่า ต้องการทำหมู่บ้านป้องกันตนเอง ทำสัญญาอ้างว่าเช่าที่ดินกับกรมป่าไม้เป็นเวลา 30 ปี เพิ่งครบกำหนดในปี 2562 จนถึงบัดนี้ ทหารกองทัพภาคที่ 1 ก็ยังไม่คืนพื้นที่ให้กับป่าไม้เลย ทหารเอาสิทธิ์อะไร ไม่คืนที่ดินทั้งหมด ที่อ้างว่าเช่าจากป่าไม้ คืนให้กับกรมป่าไม้สักทีหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังมีการให้ข้อมูลของฝ่ายต่าง ๆ ของส่วนราชการ ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดสระแก้ว ได้ดำเนินการนำชาวบ้านซึ่งเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ์ที่ดิน นส.3 ,ใบจอง นส.2 และ สค.1 แบ่งออกเป็น 3 ชุด ลงพื้นที่บริเวณบ้านหนองจน จุดตรวจเจ้าหน้าที่ ตชด.12 เพื่อนำชาวบ้านเข้าไปชี้เขตที่ดินของตนเอง ขณะที่ นายวีระ สมความคิด ได้รับอนุญาตจาก ผบ.ฉก.อรัญประเทศ หลังจากร้องขอเข้าไปในพื้นที่ที่ตนเองเคยถูกเขมรจับกุม ซึ่งอยู่ในดินแดนประเทศไทย ห่างจากหลักเขตที่ 46 หลายร้อยเมตร รวมทั้งยังไม่ถึงพื้นที่อ้างสิทธิ์ของกัมพูชาแต่อย่างใด ซึ่งมีสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ทหารเข้าติดตามการเดินทางไปย้อนรอยพื้นที่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ดังกล่าวจำนวนมาก ซึ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะครบ 15 ปี ปัญหาพื้นที่ที่คนไทยถูกชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอยู่อาศัย ตั้งรกรากในผืนแผ่นดินไทย ยังไม่ได้รับการสะสางหรือแก้ไขแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเดินทางเข้าไปยังจุดที่นายวีระฯ พร้อมคนไทยถูกจับกุมเมื่อ 15 ปีก่อน ซึ่งมีคนไทยเดินทางเข้าไปด้วย 2 คน อยู่ห่างจากป้อมจุดตรวจเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 300-400 เมตร และต้องเดินเท้าเข้าไปในแปลงที่ดินของชาวบ้านอีกประมาณ 300-400 เมตรเช่นกัน เป็นพื้นที่ทุ่งนาและป่ายูคาลิปตัส โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและ ตชด.ดูแลความปลอดภัย ก่อนจะเดินไปจนถึงหลักเขตปูนที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ ซึ่งอยู่ห่างจากหลักเขตที่ 46 ประมาณ 100-200 เมตร เท่านั้น ซึ่งหลังจากเดินทางออกมาจากจุดดังกล่าว ทางนายวีระฯ และทีมงานได้ออกจากพื้นที่ทันที เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชา ได้รวมตัวออกมาเพื่อพังรั้วลวดหนามของทหารไทย มีการนำไม่ไผ่ยาว 5-6 เมตร แทงทะลุข้ามมาถูกทหารไทยได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องเสริมกำลังทหารเข้าไปยังจุดที่มีการก่อเหตุ ซึ่งพบมีการใช้ชาวบ้านและชาวกัมพูชาที่มีเด็กและสตรี เข้ามาเป็นโล่มนุษย์ด้วย ซึ่งทหารไทยสามารถปิดกั้นรั้วลวดหนามส่วนที่มีการทำลายให้สามารถใช้งานได้เช่นเดิม

————————————