‘ผักชี’ มีดีมากกว่าแค่โรยหน้า
เมื่อพูดถึง “ผักชี” หลายคนคงนึกถึงผักอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำมารับประทาน และมักถูกนำมาโรยหน้าตกแต่งอาหารให้น่าลิ้มรสมากขึ้น ทั้งที่จริงแล้ว “ผักชี” ยังถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย
“คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล” บอกเล่าสาระน่ารู้เกี่ยวกับผักชนิดนี้ ว่า“ผักชี” ในประเทศไทยที่คนไทยรู้จัก มีหลายชนิด ได้แก่ 1.ผักชี (Coriandrum sativum L.; Coriander, Cilantro) 2.ผักชีฝรั่ง (Eryngium foetidum L.; Culantro) 3.ผักชีลาว (Anethum graveolens L.; Dill weed) ซึ่งผักชีทั้ง 3 ชนิดนี้ คนไทยและคนในทวีปเอเชียรับประทานเป็นผักเคียง หรือเป็นเครื่องเทศ ทั้งนี้ ผักชีไทยไม่ใช่พืชที่มีถิ่นกำหนดในประเทศไทย แต่มีถิ่นกำเนิดในแถบเมดิเตอร์เรเนียน อินเดีย และเอเชียตะวันตก ถือได้ว่าเป็นเครื่องเทศที่มีการใช้กันมาอย่างยาวนาน
ผักชีเป็นพืชผักที่สามารถปลูกได้ตลอดปี และเป็นผักที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำมาใช้ประกอบอาหารต่าง ๆ เพื่อทำให้อาหารมีกลิ่นหอมน่ารับประทานมากขึ้น
นอกจากนี้ ผักชียังมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย คนไทยรู้จักนำผักชีทุกส่วนมาใช้เป็นเครื่องเทศปรุงอาหาร และเป็นยารักษาโรค หรือเป็นน้ำกระสายยา อีกทั้งมีการนำผักชีและน้ำมันหอมระเหยจากลูกผักชีมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นยา สารแต่งกลิ่นยาสูบ เครื่องสำอางและสบู่
สรรพคุณของ “ผักชี” ตามภูมิปัญญา
ทุกส่วนของผักชี ทั้งใบ ต้น ผล หรือราก มีประโยชน์ต่อร่างกาย
@ ส่วนใบ ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้อาการกระหายน้ำ แก้อาการไอ แก้หวัด แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้อาการอาหารเป็นพิษ ลดระดับน้ำตาลในเลือด
@ ส่วนผล ช่วยให้เจริญอาหารมากขึ้น ช่วยละลายเสมหะ แก้อาการปวดฟัน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร กระตุ้นต่อมในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพิ่มน้ำดีให้มากขึ้น ช่วยรักษาอาการปวดท้อง ช่วยแก้อาการบิด ถ่ายเป็นเลือดช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร มีเลือดออก
@ ทั้งต้น ช่วยขับเหงื่อ ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร มีเลือดออก ช่วยแก้เด็กเป็นผื่นแดง ไฟลามทุ่ง ช่วยให้ผื่นหัดออกเร็วขึ้น
@ รากผักชี ใช้เป็นน้ำกระสายยา ช่วยกระทุ้งพิษไข้หัว ไข้อีดำอีแดง รักษาเหือดหิด อีสุกอีใส
ข้อควรระวัง
-ควรระวังในคนที่มีประวัติแพ้พืชวงศ์ผักชี (Apiaceae) หรือคนที่มีประวัติแพ้, ขึ้นฉ่าย (Celery), ยี่หร่า (Caraway), เทียนข้าวเปลือก (Fennel), เทียนสัตตบุศย์ (Anise), กระเทียม, หอมใหญ่
-อาการแพ้ที่พบได้ คือ ผื่นแพ้สัมผัส และทำให้ผิวไวต่อแสงแดดซึ่งมีผลที่จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง, เยื่อบุจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้, และหลอดลมเกร็งตัว
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของผักชี
ผักชีเป็นผักที่มีวิตามินเอและซีสูง ส่วนของผักชีที่มีการศึกษามากที่สุด คือ ส่วนผลและน้ำมันหอมระเหยจากส่วนผล รองลงมาคือ ส่วนใบและทั้งต้น
1.ส่วนใบผักชีและทั้งต้น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของส่วนนี้พบว่าประกอบด้วยกลุ่มสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ดี ได้แก่ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์, สารกลุ่มแลคโตน, สารกลุ่ม Phenolic Acids, สารกลุ่มแทนนิน, สารกลุ่มคาโรทีนอยด์, น้ำมันหอมระเหย รวมถึงอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่
2.ส่วนผลและน้ำมันหอมระเหย โดยมีงานวิจัยหลายฉบับที่กล่าวถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของผลและเมล็ด พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ต้านปรสิต ต้านการอักเสบ ต้านการก่อมะเร็ง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันเลือด ลดไขมันในเลือด ลดความวิตกกังวล แก้ปวด สามารถจับและกำจัดโลหะหนัก ปกป้องตับและไต
แต่การรับประทานผลผักชีหรือที่เรียกว่าลูกผักชี หรือน้ำมันหอมระเหยในปริมาณมาก จะทำให้เสพติดได้ และทำให้ไขมันแทรกซึมเข้าเซลล์ตับ
ดังนั้น ควรรับประทานผักชีในปริมาณพอเหมาะ มิฉะนั้นจะก่อเกิดโทษ เป็นพิษต่อตับและสมอง หรืออาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ ทั้งผื่นแพ้ ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด เยื่อบุจมูกและตาอักเสบจากภูมิแพ้ และหอบหืดได้.