รมว.คลัง หารือคณะ สส. สหรัฐฯ ยันพร้อมทำตามข้อตกลงภาษี 19%
รมว.คลัง หารือ คณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ชี้ ไทยพร้อมทำตามข้อตกลงภาษีสหรัฐฯ ที่ 19% พร้อมเพิ่มการนำเข้า-ลดการขาดดุล จัดการสินค้าสวมสิทธิ ลดอุปสรรคด้าน NTBs ด้านสหรัฐฯ มองไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน
27 ส.ค. 2568 นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการหารือกับคณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา นำโดย Beth Van Duyne สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ณ ห้องงาช้าง ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ซึ่งการหารือดังกล่าวเป็นการหารือเพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
- การลงทุนในประเทศไทย ฝ่ายสหรัฐฯ เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุน ขณะเดียวกันได้แลกเปลี่ยนความเห็นต่อหนี้สาธารณะของไทย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ปัจจุบัน หนี้สาธารณะของไทยอยู่ที่ร้อยละ 64.2 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product) ซึ่งโครงสร้างหนี้สาธารณะของไทย ประกอบด้วย หนี้ภายในประเทศร้อยละ 99.2 และหนี้จากภายนอกประเทศร้อยละ 0.8 และหนี้สาธารณะของไทยอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น
- การขาดดุลการค้า (Trade Deficit) และมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ฝ่ายไทยได้แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่ปรับลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าไทยเป็นร้อยละ 19 (ปรับจากเดิมร้อยละ 36) ภายใต้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามข้อตกลง ได้แก่ การเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตร สินค้าพลังงาน และสินค้าทางทหารจากสหรัฐฯ การลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTBs) และการกำกับดูแลภาษีการถ่ายโอนสินค้าผ่านประเทศที่สาม (Transshipment)
อีกทั้งยังหารือในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทางสื่อดิจิทัล การฉ้อโกงทางการเงิน (Financial Fraud) และความสำคัญของสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะด้านแรงงานและการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน ซึ่งฝ่ายไทยได้ชี้แจงถึงการดำเนินมาตรการคุ้มครองสิทธิแรงงานทั้งไทยและต่างด้าว ตลอดจนการปรับปรุงกฎหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองของแรงงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยึดแนวทางสันติวิธีและการเจรจาอย่างสงบ ทั้งนี้ ไทยไม่ประสงค์ให้สถานการณ์ดังกล่าวลุกลามหรือก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบต่อความสัมพันธ์โดยรวมระหว่างสองประเทศ