ทรัมป์ จวกซีอีโอ Goldman Sachs หลังเตือนผู้บริโภคสหรัฐจะรับภาระภาษีเพิ่ม
ทรัมป์ ตอบโต้ เดวิด โซโลมอน ซีอีโอ Goldman Sachs หลังเตือนว่าผู้บริโภคสหรัฐอาจต้องแบกรับต้นทุนภาษีศุลกากรสูงขึ้นจากนโยบายของเขา พร้อมอ้างว่ารายได้ภาษีที่พุ่งกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์เป็นหลักฐานความสำเร็จ
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์ เดวิด โซโลมอน ควรจะเปลี่ยนนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร หรือ “เอาเวลาไปโฟกัสกับการเป็นดีเจดีกว่า” หลังจากที่หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนเตือนว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันจะต้องรับภาระต้นทุนภาษีศุลกากรส่วนที่เพิ่มขึ้น
การโจมตีของทรัมป์ต่อโซโลมอน ซึ่งทำงานเป็นดีเจนอกเวลางาน เกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์กำลังโอ้อวดว่า รัฐบาลกลางกำลังเก็บรายได้จำนวน มหาศาลจากนโยบายภาษีของเขา
“ภาษีศุลกากรไม่ได้ทำให้เกิดเงินเฟ้อ หรือปัญหาใด ๆ ต่ออเมริกา นอกจากเงินสดจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าคลังของเรา” ทรัมป์โพสต์บน Truth Social
รายได้จากภาษีศุลกากรเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยแตะเกือบ 28,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนกรกฎาคม ตามข้อมูลของกระทรวงการคลัง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลล่าสุดจะแสดงว่าราคาผู้บริโภคเร่งตัวน้อยกว่าที่คาดเล็กน้อย
ทรัมป์ยังเขียนต่อว่า “มีหลักฐานว่าบริษัทและรัฐบาลต่างประเทศเป็นผู้จ่ายภาษีเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ แทนที่จะเป็นผู้บริโภค”
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากยังคงเตือนว่าผลกระทบเต็มรูปแบบของภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังไม่เกิดขึ้น และหลายธุรกิจได้กล่าวแล้วว่าจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้าเพื่อตอบสนองต่อภาษีนำเข้าของสหรัฐ
ทรัมป์กล่าวหาว่าโซโลมอนและโกลด์แมน ปฏิเสธที่จะให้เครดิตในสิ่งที่ควรได้ พร้อมอ้างว่าพวกเขาเคยทำนายผิดเกี่ยวกับผลกระทบต่อตลาดและภาษีศุลกากร
“ผมคิดว่าเดวิดควรหานักเศรษฐศาสตร์คนใหม่ หรือไม่ก็โฟกัสกับการเป็นดีเจ และเลิกยุ่งกับการบริหารสถาบันการเงินขนาดใหญ่” ทรัมป์กล่าว โดยไม่ได้ระบุนักเศรษฐศาสตร์ที่เขาต้องการให้เปลี่ยน
อย่างไรก็ตาม แยน แฮทเซียส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารตั้งแต่ปี 2011 ได้เตือนในบันทึกวิจัยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ผู้บริโภคสหรัฐจะต้องแบกรับต้นทุนภาษีศุลกากรในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
“การประเมินของเราชี้ว่าผู้บริโภคสหรัฐแบกรับต้นทุนภาษี 22% จนถึงเดือนมิถุนายน แต่สัดส่วนนี้อาจเพิ่มเป็น 67% ภายในเดือนตุลาคม หากภาษีชุดหลังมีผลกระทบเช่นเดียวกับภาษีชุดแรก” แฮทเซียสและทีมวิจัยเขียน
ทั้งนี้ ทรัมป์ ได้เลื่อนการใช้ภาษีศุลกากรที่รุนแรงที่สุดออกไปหลายครั้ง ทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ เกิดช้าลง
ภาษีศุลกากรแบบ “ตอบโต้” ทั่วโลกของเขาที่ประกาศเมื่อเดือนเมษายนถูกชะลอไว้และเพิ่งมีผลในรูปแบบที่ปรับแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนภาษีศุลกากรต่อสินค้าจีนซึ่งเคยสูงถึง 145% ก็ถูกลดลงเหลือ 30% ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
อ้างอิง : cnbc.com