Builder Economy โอกาสของคนธรรมดา ไม่ต้องเก่งโค้ด ไม่ต้องเป็นคนดัง ก็ปั้นธุรกิจระดับโลกได้

จากมนุษย์เงินเดือน → ฟรีแลนซ์ → Creator → สู่ยุคของ “Builder”

ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่ผ่านมา ช่องทางการสร้างรายได้มักจำกัดอยู่เพียงไม่กี่เส้นทาง หากเลือกเป็น Creator คุณต้องสร้างคอนเทนต์ให้กลายเป็นกระแส แข่งขันกับอัลกอริทึมของแพลตฟอร์ม สร้างฐานผู้ติดตามจำนวนมาก และรักษาการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีแบรนด์เข้ามาสนับสนุนหรือซื้อโฆษณา ส่วนผู้ที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี มักมุ่งแข่งขันเพื่อให้ได้งานในบริษัทชั้นนำที่มีโอกาสและรายได้สูง

คำถามคือ แล้วคนทั่วไปที่ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือทักษะเทคนิคขั้นสูง จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างไร?

วันนี้กำลังเกิดคลื่นลูกใหม่ที่เรียกว่า Builder Economy

ยุคที่ใครก็สามารถสร้างโปรดักต์ แพลตฟอร์ม หรือคอมมูนิตี้ของตนเองได้ ด้วยพลังจาก Open Source, AI, Blockchain และ No-code โดยไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงหรือรอให้ใครว่าจ้าง

สิ่งที่ทำให้ยุคนี้เกิดขึ้น ได้แก่ เครื่องมือพัฒนาที่มีราคาถูกลงและใช้งานง่ายขึ้น แหล่งความรู้ที่เปิดกว้างและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง แหล่งทุนจาก Grant และ Hackathon ที่เข้าถึงได้ง่าย และการนำวัฒนธรรมการทำงานแบบ Startup ที่เน้นความเร็วและการทดลองมาปรับใช้ในชีวิตจริง ปัจจัยเหล่านี้กำลังผลักดันให้ Builder ทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย เติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดโอกาสให้คนจากทุกสายอาชีพลงมือสร้างสิ่งใหม่ สร้างอิมแพค และต่อยอดสู่รายได้จริงในระดับโลก

ก่อนที่จะลงลึกลงไป เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Freelance และ Creator คืออะไร และแตกต่างจาก Builder อย่างไร ?

1.Freelance, Creator, Builder — ใครทำอะไร และต่างกันอย่างไร

Freelance หรือ Gig Worker: หมายถึงบุคคลที่ ทำงานอย่างอิสระ ไม่ได้ผูกพันเป็นพนักงานประจำกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง โดยรับงานเป็นครั้งคราว (project-based) หรือระยะสั้น (short-term contract) ตามข้อตกลงที่เจรจาไว้กับลูกค้า ภาพที่ชัดเจน คือ นักแปลภาษา รับงานแปลบทความครั้งละ 20 USD แล้วส่งมอบงานหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ถ้ามาดูตลาดการเติบโตของอุตสาหกรรม Freelance Platforms Market: ปี 2024 ประมาณ USD 5.6 B, คาดโตเป็น USD 13.8 B ภายใน 2030 (CAGR ~16–17%) แต่ทางงานวิจัยของ Otto Kässi , Vili Lehdonvirta , Fabian Stephany พบว่าจำนวน Freelance กว่า 163 M profilesในระบบ กลับพบว่ามีเพียง ~19 M ที่ทำงานจริง และ ~5 M ที่ทำมากกว่า 10 งานหรือได้รายได้ ≥ $1,000

Creator: หมายถึง ผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัล (Digital Content Creator) เช่น วิดีโอ, บทความ, เพลง, ภาพ, พอดแคสต์ หรือสื่อโซเชียลต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ชมติดตาม และสร้างรายได้จากการมีผู้ฟังหรือผู้ชม เกิดเป็นกระบวนการ สร้างเนื้อหา → สร้างผู้ติดตาม → สร้างรายได้ ภาพที่ชัดเจน คือ YouTuber ทำวิดีโอรีวิว gadget มีผู้ติดตาม และหารายได้จาก โฆษณาและสปอนเซอร์ถ้ามาดู ตลาดการเติบโตของอุตสาหกรรม Creator Economy จะพบว่า ปี 2025 มูลค่าราว USD 191 B, คาดโตถึง USD 528 B ใน 2030 (CAGR ~22–23%)

Builder: หมายถึงบุคคลที่ “ลงมือสร้าง” ผลิตภัณฑ์ (Product), เครื่องมือ (Tool), แพลตฟอร์ม(Platform) หรือสร้าง Community ด้วยตัวเองหรือร่วมกับทีมเล็กๆ โดยไม่ได้รอให้ใครว่าจ้าง

2.คุณลักษณะหรือบทบาทที่เข้าข่ายเป็น “Builder”

ยกตัวอย่าง คำนิยามที่ผมมองว่าจับต้องได้เป็นรูปธรรม

Developer หมายถึง ผู้สร้างและพัฒนาซอฟต์แวร์

• คุณมีไอเดียอะไรบางอย่าง แล้วเอามาทำเป็น Prototype จริง
• คุณเข้าร่วม Hackathon เพื่อเรียนรู้ / สร้างของใหม่ ไม่ใช่แค่เพื่อรางวัล
• คุณส่งโปรเจกต์ไปขอ Grant หรือ Pitch ให้ VC ฟัง เพราะคุณเชื่อว่ามันแก้ Pain จริง

UX/Ui Designer หมายถึง ผู้ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้และหน้าตาของโปรดักต์ เช่น Application, Website

• ถ้าคุณออกแบบ UX/UI สำหรับสร้าง Application บางอย่าง
• ออกแบบ branding ให้กับโปรเจกต์ที่คุณร่วมทีมสร้าง

Product Manager / Strategist หมายถึง ผู้วางแผน, กำหนดทิศทาง และผลักดันโปรดักต์ให้เกิดขึ้นจริง

• คุณไม่ได้แค่เขียน “Strategy” แต่ลงมือ “สร้าง” โปรเจกต์จาก 0
• คิดฟีเจอร์ ทำ roadmap หาทีม, หาUser, หา feedback
• ผลักดันให้เกิด product ที่ launch จริง

Educator / Creator หมายถึง ผู้ผลิตสื่อหรือเครื่องมือความรู้ที่นำไปใช้ได้จริง

• ถ้าคุณไม่ได้แค่ทำวิดีโอ/โพสต์เพื่อยอดวิว
• แต่คุณสร้าง Tool / Course / ระบบความรู้ ที่ใช้งานได้จริง
• เช่น สื่อการสอน, Learning Platform, Quiz Tool หรืออื่นๆ

ตัวอย่าง: คนที่สร้างเว็บสอนเขียน Program ให้คนเริ่มต้น พร้อม workshop

นักวิเคราะห์ / Researcher หมายถึง ผู้ค้นคว้าและสร้างข้อมูลเชิงลึกเพื่อสนับสนุนการสร้างสรรค์

• สร้างบทวิเคราะห์หรืองานวิจัยที่มีคุณภาพและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นเพื่อสร้างบางสิ่ง

Community Manager หมายถึง ผู้ดูแลคอมมูนิตี้

• ทำ Community เพื่อผลักดันและส่งเสริมคุณภาพชีวิตเพื่อการพัฒนาตัวเองและต่อยอดอาชีพ
• คนจัด Hackathon ให้คนมาร่วมกัน build

ตัวอย่าง: ContributionDAO

ContributionDAO ทำงานใกล้ชิดกับโปรเจ็กต์ระดับโลกอย่าง Ethereum, Sui, Monad และ Celestia จนได้เห็นจากประสบการณ์ตรงว่าโอกาสและรายได้ในโลก Web3 เกิดขึ้นได้จริงอย่างไร

ตลอดเส้นทาง พวกเขาบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท จัดกิจกรรม Hacker House จนทีมภายในคว้ารางวัลรวมกว่า 1.27 ล้านบาท และเชื่อมต่อ Builder ไทยกับแหล่งทุนและนักลงทุนระดับนานาชาติ

เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือ องค์กรได้ผ่านการรับรอง SOC 2 และ ISO/IEC 27001 ทำให้โปรเจ็กต์ที่ร่วมงานสามารถเข้าถึงลูกค้าระดับสถาบันได้ง่ายขึ้น

ด้านการเงิน ContributionDAO ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายบุคคล (Angel Investors) และกองทุน VC ระดับนานาชาติ รวมถึงสถาบันอย่าง KasikornX ซึ่งเป็นกองทุนของ Kasikorn Bank มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาเครื่องมือ โครงสร้างพื้นฐาน และกิจกรรมสนับสนุน Builder ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้จริง

ประสบการณ์เหล่านี้ยืนยันว่า Builder Economy ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยี แหล่งทุน การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัล และมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
นอกจากนี้ในประเทศไทยยังมี Rabbit Start ซึ่งเป็น Community Builder เพื่อการพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีฝันที่อยากพัฒนาตัวเอง โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายไปที่นักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ที่สามารถลงมือสร้างสิ่งที่ใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็น MVP, Tool หรือ Content เล็กๆ จากประสบการณ์ของตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องรอให้เรียนจบถึงจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ สามารถใช้ความรู้ที่มีอยู่ตอนนี้เข้าร่วม Hackathon หรือขอทุนต่างๆ ได้

3. ตัวเร่งที่สำคัญที่ทำให้เกิด Builder Economy

Builder Economy ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะกระแสชั่วคราว แต่มาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และโอกาส จากประสบการณ์ของ ContributionDAO ที่ได้ร่วมงานกับโปรเจ็กต์ระดับโลกอย่าง ETH, Sui, Monad, Celestia และอีกหลายโครงการ เราได้เห็นภาพนี้อย่างชัดเจน ผ่านผลงานที่เป็นรูปธรรม เช่น การให้บริการ Staking มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท และการจัด Hacker House ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ที่ทีม Developer ภายในสามารถคว้ารางวัลรวมกว่า 1.27 ล้านบาท (อันดับ 1 มูลค่า 1,000,000 บาท และอันดับ 3 มูลค่า 275,000 บาท)

นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญอย่างการที่สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับผ่านกฎหมายและถูกนำไปใช้โดยกองทุน รวมถึงการเกิดขึ้นของ Stablecoin ซึ่งช่วยสร้างเสถียรภาพและเพิ่มการใช้งานในชีวิตจริง ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนที่เร่งให้ Builder Economy เดินหน้าเร็วกว่าที่คาดไว้มาก

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนจากสิ่งที่เราเห็นในสนามจริง แต่ถ้าถอดออกมาเป็นปัจจัย จะพบว่า Builder Economy เติบโตอย่างรวดเร็วเพราะมี 9 องค์ประกอบทำงานร่วมกันอย่างทรงพลัง

1.เครื่องมือราคาถูกและใช้งานง่าย : แค่มีโน้ตบุ๊ก + ChatGPT + Framer + Vibe Code ก็ทำ MVP ได้ใน 48 ชม. ส่วนใหญ่เปิดให้ใช้ฟรีหรือแบบ freemium

2.ระบบ Permissionless : ในโลก Web3, AI, และ Open Infrastructure ใคร ๆ ก็เข้าถึงเทคโนโลยีและเครื่องมือขั้นสูงได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

3.ข้อมูลและความรู้แบบเปิด : แหล่งเรียนรู้ เช่น YouTube, FreeCodeCamp, buildspace หรือเครื่องมือดึงข้อมูลอย่าง Dune Analytics, Nansen รวมถึง Podcast ที่อัปเดตไอเดียใหม่ ๆ

4.แหล่งทุนที่หลากหลาย

• Web3: Grant จาก Ethereum, Sui, Celestia, Arbitrum, Solana ($1k–$100k), Hackathon จาก ETHGlobal, DoraHacks, Devfolio พร้อมเงินรางวัลและโอกาสเจอนักลงทุน
• Web2: Hackathon จาก Meta, Microsoft, Google, AWS ($5k–$50k) และ Grant จาก Y Combinator, Stripe Atlas, Pioneer.app

5.วัฒนธรรม Build เร็ว : “คิดไว – ทำไว – ปล่อยไว” คือบรรทัดฐาน หลายโปรเจกต์ใหญ่เริ่มจาก Hackathon

6.Skill Stack หลากหลาย : No-code, AI, และ Open API ทำให้คนที่ไม่ใช่ Dev ก็สร้างโปรดักต์ได้ โดยผสมทักษะ Tech + Startup + Finance + Product + Community

7.การร่วมมือข้ามพรมแดน : หาเพื่อนร่วมทีมจากงานอีเวนต์หรือออนไลน์ได้ง่าย ไม่ต้องอยู่ที่เดียวกันก็ Build ร่วมกันได้

8.เทคโนโลยีเกิดใหม่ต่อเนื่อง : LLM, blockchain ใหม่, infra และ narrative เกิดทุกไตรมาส ผู้เริ่มก่อนมักได้เปรียบทั้งทุนและผู้ใช้

9.กฎหมายและการยอมรับสถาบัน : การรับรองสินทรัพย์ดิจิทัลตามกฎหมาย, การลงทุนจากกองทุน และการใช้ Stablecoin ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและความน่าเชื่อถือ

4. แล้ว Builder จะสร้างรายได้อย่างไร?

ในยุค Builder Economy ช่องทางสร้างรายได้มีหลากหลายรูปแบบ เช่น

ขายหรือให้บริการโปรดักต์ที่สร้างขึ้นเอง เช่น SaaS แอป หรือเครื่องมือออนไลน์ คิดค่าบริการรายเดือน/ปี, แบบสมัครสมาชิก หรือคิดตามการใช้งาน (pay-per-use) รวมถึงการขายไลเซนส์เทคโนโลยีให้บริษัทอื่น

สร้างรายได้จาก Token หรือ Protocol ออกโทเค็น พร้อมวางโมเดล Tokenomics รวมถึงเก็บค่าธรรมเนียมจากการใช้งาน เช่น Transaction Fee หรือ Gas Fee ตลอดจนแจกโทเค็นให้กับคอมมูนิตี้และนักลงทุน

รับเงินทุนและรางวัลจาก Hackathon หรือ Grant ชนะการแข่งขันรับเงินรางวัล ขอทุนสนับสนุนจากโปรเจกต์หรือฟาวน์เดชันต่าง ๆ เช่น ETH, Sui, Celestia สามารถรับ Grant เพื่อขยายโปรเจกต์

ให้บริการและคำปรึกษา (Consulting & Service) ออกแบบ UX/UI, Branding, วางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ ให้บริกา รด้าน AI หรือ Blockchain Integration หรือจะรับจ้างพัฒนาซอฟต์แวร์เป็น outsource

สร้างรายได้จากคอมมูนิตี้ เก็บค่าสมาชิก (Membership Fee) จัดงาน Event, Workshop หรือ Bootcamp แบบเสียเงิน

รายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลและการเรียนรู้ ใช้ DeFi เพื่อสร้างรายได้ ขายคอร์ส เอกสาร หรือระบบเรียนออนไลน์ รวมถึงการเปิด Community เรียนรู้ที่มีค่าใช้จ่าย

5. ถ้าไม่ใช่ Programmer จะเป็น Builder ได้ไหม?

คำตอบคือ “ได้” ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Hayden Adams อดีตวิศวกรเครื่องกลที่เริ่มเรียนเขียนโค้ดจากศูนย์ สร้าง Uniswap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi อันดับต้น ๆ ของโลก เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า Builder ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานเทคนิคตั้งแต่แรก

ในไทยก็มีโปรเจกต์อย่าง D1ckDAO ซึ่งก่อตั้งโดยทีมแพทย์ และใช้เทคโนโลยี Decentralized เพื่อต่อสู้กับปัญหาสุขภาพทางเพศของผู้ชาย ได้รับการยอมรับในตลาดระดับโลก

แล้วถ้าอยากเริ่มเป็น Builder ในโลก Web3 ทำอย่างไร?

แนวทางสำหรับ Programmer :เลือกโปรเจกต์ที่สนใจ ศึกษาคอร์สและเอกสาร (Docs) ของโปรเจกต์ เข้าร่วมกิจกรรม เช่น Grant, Hackathon หรือ Bounty

ตัวอย่างกิจกรรมที่น่าสนใจ

• Camp Mamo: บูทแคมป์ 4 สัปดาห์ สอนตั้งแต่พื้นฐานจนสร้าง dApp บน Celestia
  รายละเอียดเพิ่มเติม

• Monad Blitz Bangkok: Quickathon 1 วัน สำหรับทดลองไอเดียและ Deploy โปรดักต์บน Monad Testnet
  รายละเอียดเพิ่มเติม

แนวทางสำหรับ Designer / UX / Product : วิเคราะห์ DApp ที่ UX ยังไม่ดี แล้วออกแบบใหม่ ร่วม Hackathon กับทีม Developer ด้าน Frontend/UI/UX ช่วยปรับโครงสร้าง UX ให้โปรเจกต์ต่าง ๆ

แนวทางสำหรับคนไม่มีพื้นฐานเทคนิค : เรียนรู้จากช่อง YouTube, Twitter, Facebook ที่พูดถึง Web3 Join Community ตั้งคำถาม เพื่อค้นหาทิศทางตัวเอง เริ่มทำงาน Community, Research, แปลเอกสาร Whitepaper หรือทำคอนเทนต์สั้น ๆ อธิบายโปรเจกต์ใน TikTok เข้าร่วม Ambassador Program

แนวทางสำหรับคนชอบทำงานเป็นทีมและหาไอเดียใหม่ : ตั้งทีมเข้าร่วม Hackathon เข้าร่วมชุมชนอย่าง DeveloperDAO หรือ ContributionDAO เพื่อหางานและโอกาส สร้าง MVP ทดลองใช้งานจริง ปรับเปลี่ยนตามฟีดแบ็ก ติดตามโปรเจกต์ที่แจก grant และเข้าไปมีส่วนร่วม

6.สัญญาณจากตลาดปี 2025 ที่แสดงว่า Builder Economy กำลังโตอย่างรวดเร็ว

การเติบโตของ Hackathon และผู้เข้าร่วม

• มี Hackathon ด้านเทคโนโลยีและ Web3 กว่า 3,000 งานต่อปี
• ตัวอย่าง: NASA Space Apps Challenge มีผู้เข้าร่วมกว่า 93,520 คนจาก 163 ประเทศ
• 80% ของ Hackathon ใน Fortune 100 เป็น recurring event (ข้อมูลจาก HackerEarth)

มูลค่ารางวัลและ Grant Ecosystem

• ETHDenver 2024 แจกเงินรางวัลและทุนกว่า $1 ล้าน
• Sui ตั้งกองทุนสนับสนุน DeFi กว่า $51.3 ล้าน
• Ethereum Foundation ตั้ง Academic Grants ปี 2025 มูลค่า $1.5 ล้าน
• Solana Ventures ลงทุน Seed รอบละประมาณ $100,000
• Monad เปิดโครงการ Monad Madness มีเงินสนับสนุน $1 ล้าน

การเติบโตของ Developer และการกระจายตัว

• จำนวน Dev ในสาย Crypto โตจาก 1,000 เป็น 23,613 รายต่อเดือน (2015–2024) เฉลี่ยโต 39% ต่อปี
• Dev ที่มีประสบการณ์มากกว่า 2 ปี เพิ่มขึ้น 27% และครองสัดส่วน 70% ของการ commit ใน ecosystem
• Asia เป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วน Dev Crypto สูงสุดในโลก อยู่ที่ 32%

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : Builder Economy โอกาสของคนธรรมดา ไม่ต้องเก่งโค้ด ไม่ต้องเป็นคนดัง ก็ปั้นธุรกิจระดับโลกได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• กฎ 1% กับ กฎ 5/25 เพื่อชีวิตดีขึ้น
• ราคาทองวันนี้ล่าสุด 12 สิงหาคม 2568 ราคาปรับลดลง 50 ราคาทองรูปพรรณ บาทละ 52,300 บาท
• สมอ.รุกคุม “ชุดชาร์จอีวี” 3 มอก.เร่งให้มีผลบังคับใช้ภายในปี 2569
• ลุ้น! นบข.เคาะไร่ละพันช่วยนาปรัง "จตุพร" สยบกังวลผู้เลี้ยงหมู-ถกสหรัฐฯ ยังไม่จบ
• ลงทุนทองให้แม่ดีไหม? กูรู-นักลงทุน ฟันธง! ราคาพุ่งต่อ คาดระยะสั้นอยู่ที่ 51,000-52,350 บาท

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath