ศิลาโบราณ 2,246 ปี ไขปริศนาจิ๋นซีกับภารกิจเสาะหาความเป็นอมตะบนที่ราบสูงชิงไห่
การค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญบนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต กำลังสร้างความตื่นเต้นในแวดวงนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ เมื่อศิลาจารึกอายุ 2,246 ปี ได้ถูกเปิดเผย ซึ่งเชื่อกันว่าบันทึกเกี่ยวกับภารกิจลับของ จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ ในการเสาะหา "น้ำอมฤต" หรือความเป็นอมตะ ไม่เพียงแต่กล่าวถึงเส้นทางทางตะวันออกเท่านั้น หากแต่อักษรโบราณบนศิลา ยังบ่งชี้ถึงการเดินทางลึกลับสู่ดินแดนทางตะวันตก เส้นทางซึ่งเชื่อกันว่า ไม่เคยปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์จีนฉบับใดมาก่อน
ตำนาน "น้ำอมฤต" ความฝันเป็นอมตะของจิ๋นซีฮ่องเต้
ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ จิ๋นซีฮ่องเต้ มีความหมกมุ่นกับแนวคิดเรื่อง ความเป็นอมตะ อย่างยิ่ง พระองค์ทรงเชื่อว่าสามารถมีชีวิตนิรันดร์ได้ หากได้ครอบครอง “น้ำอมฤต” ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสารลึกลับที่มอบความเป็นอมตะแก่ผู้ดื่ม
ในช่วงปลายราชวงศ์ฉิน (221–207 ปีก่อนคริสตกาล) จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ส่งนักเล่นแร่แปรธาตุและนักเดินทางออกไปสำรวจดินแดนห่างไกล เพื่อเสาะหาน้ำอมฤตดังกล่าว หนึ่งในภารกิจที่มีการบันทึกไว้ คือ การเดินทางของ สวี่ฝู (Xu Fu) ไปทางตะวันออก ซึ่งมีตำนานว่ามุ่งหน้าไปยังเกาะญี่ปุ่น
แต่สิ่งที่ทำให้ศิลาจารึกที่ค้นพบในครั้งนี้น่าทึ่งยิ่งขึ้นก็คือ ข้อความบนศิลานั้นแสดงให้เห็นว่า พระองค์ไม่ได้ส่งคณะเดินทางไปเพียงทางตะวันออกเท่านั้น แต่ยังเสาะหาน้ำอมฤตไปทางทิศตะวันตกอีกด้วย ซึ่งไม่เคยมีการกล่าวถึงในตำราประวัติศาสตร์จีนใด ๆ มาก่อน การค้นพบนี้จึงเปิดมุมใหม่ให้กับตำนานอันยิ่งใหญ่ของจักรพรรดิผู้ใฝ่หาความเป็นอมตะ
เบาะแสใหม่ภารกิจลับ ‘น้ำอมฤต’ ของจิ๋นซีฮ่องเต้
ศิลาจารึกนี้ถูกค้นพบใกล้กับทะเลสาบจ๋าหลิง (Zhaling Lake) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ที่ระดับความสูงกว่า 4,300 เมตร รายละเอียดบนศิลาเผยให้เห็นถึงการเดินทางสำรวจครั้งใหญ่ในปี 221 ปีก่อนคริสตกาล ที่จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ มีพระบรมราชโองการให้ ปรมาจารย์ใหญ่ Yi (Master Yi) ห้าท่าน เดินทางไปยังเทือกเขาคุนหลุน (Kunlun Mountains) อันลึกลับ เพื่อตามหาน้ำอมฤตแห่งชีวิต
โดยทีมงานนักโบราณคดีจากสถาบันโบราณคดีแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมจีน (Institute of Archaeology, Chinese Academy of Social Sciences - CASS)ผู้ค้นพบกล่าวว่า นี่เป็นเพียงศิลาแกะสลักในยุคราชวงศ์ฉินชิ้นเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในสถานที่ดั้งเดิม
หลักฐานโบราณ หรือของปลอมที่สร้างขึ้นใหม่?
การค้นพบนี้สร้างการถกเถียงอย่างกว้างขวางในหมู่นักวิชาการจีน อ้างอิงจากรายงานของ South China Morning Post นักวิชาการบางส่วนตั้งข้อสงสัยถึงความแท้จริงของศิลา โดยเฉพาะ ศาสตราจารย์ซิน เต๋อยง (Xin Deyong) ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์จีนจาก มหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University) ตั้งข้อสงสัยว่า ศิลาจารึกชิ้นนี้อาจไม่ได้มีต้นกำเนิดในยุคราชวงศ์ฉินจริง แต่อาจเป็นของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นในภายหลัง ? เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ดังกล่าวที่สูงชันและทุรกันดาร ทำให้ภารกิจสำรวจในยุคนั้นดูแทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม หลี่ เยวี่ยหลิน (Li Yuelin) นักฟิสิกส์และผู้เชี่ยวชาญด้านการเขียนอักษรวิจิตรจาก อาร์กอนน์ เนชันแนล แล็บอราทอรี (Argonne National Laboratory) ในสหรัฐ ได้นำเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ ชี้ว่าวิธีการแกะสลักด้วย "สิ่วปลายแบน" ที่ใช้บนจารึกนั้น เป็นเทคนิคที่นิยมใช้ในยุคราชวงศ์ฉินและเลิกใช้ไปประมาณปี ค.ศ. 150 ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
นอกจากนี้ ยังพบว่าการแกะสลักมีการเติมด้วยชาดหรือปูนขาวเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่สอดคล้องกับศิลาคุนหลุนโบราณอื่น ๆ
ตามรายงานในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าว South China Morning Post (SCMP) หลี่ เยวี่ยหลิน (Li Yuelin) อธิบายว่า
"เมื่อวัตถุโบราณถูกส่งต่อมา เป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของมันได้อย่างชัดเจนหากไม่มีบันทึกที่เหมาะสม สิ่งที่เราสามารถแสดงได้คือมันสอดคล้องกับสิ่งที่เราทราบเกี่ยวกับยุคนั้น ข้อความ บริบททางประวัติศาสตร์ และเทคนิคล้วนสอดคล้องกับสิ่งที่เราทราบ"
“When ancient artefacts are passed down, it is impossible to definitively prove their authenticity without proper records. What we can show is that they align with what we know about that era. The text, the historical context and the technique correspond with what
we know.”
นอกจากนี้ โจว ซิงคัง (Zhou Xingkang) นักสำรวจผู้ศึกษาแหล่งศิลปะบนหิน 180 แห่ง บนที่ราบสูง ได้วิเคราะห์การผุพังของหินและสังเกตการผุพังในรอยแตกและรอยจารึก ซึ่งเป็นหลักฐานที่ท้าทายข้อกล่าวหาเรื่องการปลอมแปลง และหลิว เจา (Liu Zhao) จากมหาวิทยาลัยฟูตั้น ยังเสริมว่า ความแม่นยำทางไวยากรณ์และความสอดคล้องกันของรูปแบบการเขียนบนจารึกนั้น สอดคล้องกับเอกสารในยุคฉิน-ฮั่น ซึ่งยากที่นักปลอมแปลงในยุคปัจจุบันจะลอกเลียนแบบได้
ตามรายงานล่าสุดจาก สำนักงานบริหารมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ระบุว่าสำนักงานได้ลงวันที่ศิลานี้ว่าตรงกับปี 221 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นการตอกย้ำความน่าเชื่อถือของการค้นพบ แม้ว่าความสงสัยอาจยังคงมีอยู่ แต่การค้นพบศิลาจารึกนี้ถือเป็นการเปิดเผยบทใหม่ที่น่าทึ่งในประวัติศาสตร์จีน และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพยายามอันไม่ลดละของจักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้ในการแสวงหาความเป็นอมตะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มังกรเปิดตัวเทคโนโลยีระดับสูงรอบด้านสำรวจธารน้ำแข็งทิเบต โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
- องค์ดาไล ลามะ ประกาศผู้สืบทอดจะเกิดนอกจีน ฝั่งจีนไม่พอใจหนักจนประณาม
- หิมะถล่มบน "เอเวอร์เรส" หลังเกิดแผ่นดินไหวที่ทิเบต
- แผ่นดินไหวเขย่าทิเบต เสียชีวิตแล้ว 126 ราย บ้านเสียหายกว่า 3,000 หลัง
- แผ่นดินไหว 6.8 เขย่าทิเบต อาคารบ้านเรือนเสียหาย รุนแรงสุดในรอบ 5 ปี