โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ยิ่งไม่ได้ลงเอยด้วยกัน ยิ่งสวยงาม’ ทำไมการไม่ปรารถนาจะครอบครองกันถึงโรแมนติก?

The MATTER

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Lifestyle

รักกันแล้วต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป…จริงหรือเปล่านะ?

หลังจากผ่านอุปสรรคมามากมาย ปลายทางของความรักที่หลายคนคาดหวังคงเป็นการได้อยู่ด้วยกันตลอดไป อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ว่าใครก็คงอยากใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เรารักมากที่สุดอยู่แล้ว เพราะความรักมักประกอบไปด้วยความใกล้ชิดและความผูกพัน การที่เราจะปรารถนาให้อีกฝ่ายอยู่ข้างกาย จึงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรนี่นา

แต่ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ซับซ้อน มันเลยไม่ได้มีหน้าตาแบบเดียว บางครั้งอาจต่างไปจากที่สิ่งที่เราเข้าใจสุดขั้ว อย่าง ‘รักที่ไม่ได้ครอบครอง’ ซึ่งเราอาจเคยเห็นในวรรณกรรมแสนเศร้าของวิลเลียม เชคสเปียร์ (William Shakespeare) เช่น โรมิโอและจูเลียต หรือสื่ออื่นๆ ที่ให้ภาพของความรักที่ไม่สมหวัง แม้จะไม่ได้ลงเอยด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทั้งคู่จะหมดเยื่อใยต่อกัน ตรงกันข้าม กลับยิ่งขับเน้นความรักและความผูกพันที่ลึกซึ้งให้ชัดเจนขึ้นเสียอีก

เมื่อรักที่ไม่ครอบครองไม่ใช่สัญลักษณ์ของการลาจากเพียงอย่างเดียว วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนไปทำความเข้าใจความรักผ่านมุมมองปรัชญา ว่าทำไมความรักที่ไม่สมหวังจึงมักถูกมองว่าแสนโรแมนติก แล้วการไม่ปรารถนาจะครอบครอง หมายความว่าเราไม่รักกันจริงหรือเปล่า

จุดเริ่มต้นของความโรแมนติก

แม้มนุษย์เราจะรู้จักความรักมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ แต่แนวคิดเรื่องรักโรแมนติกเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 17-18 ที่ผ่านมานี่เอง โดยเกิดขึ้นมาพร้อมกับสังคมสมัยใหม่ ที่ให้คุณค่ากับอิสรภาพและความเป็นปัจเจกบุคคลมากขึ้น หรืออธิบายง่ายๆ คือ เป็นแนวคิดที่เชื่อว่ามนุษย์เราสามารถแสวงหาความสุข และสามารถมีความคิดหรือความต้องการเป็นของตนเองได้นั่นเอง

ส่วนเหตุผลที่ทำให้แนวคิดนี้แพร่หลายขึ้นมาได้ อาจต้องย้อนกลับไปทำความเข้าใจสภาพสังคมสมัยนั้นก่อนว่า ความรักกับศาสนามักถูกทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมคริสเตียนที่เชื่อมั่นในความจงรักภักดีต่อพระเจ้า ดังนั้น การมีความรักเพื่อมีเซ็กซ์จึงเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะถูกมองว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสีย

แนวคิดนี้จึงส่งผลมาถึงเรื่องการแต่งงาน ที่ผู้คนมักทำไปเพื่อรักษาเกียรติของครอบครัว กระทั่งแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เลือกให้ด้วยความเหมาะสม เพื่อส่งเสริมหน้าตา ฐานะทางสังคม มากกว่าการแต่งงานเพราะความชอบพอกันระหว่างคน 2 คน การแต่งงานข้ามชนชั้น หรือความรักที่ผิดแปลกไปจากสิ่งเหล่านี้จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

กระทั่งแนวคิดของสังคมสมัยใหม่ปรากฏขึ้น เป็นแนวคิดที่มองว่ามนุษย์สามารถเลือกได้ว่าจะผูกพันกับใคร และสามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่ใช่การถูกควบคุมด้วยกฎเกณฑ์ทางสังคม จนภายหลังแนวคิดดังกล่าวนี้ได้ค่อยๆ ขยายมาสู่เรื่องความรักโรแมนติก เพื่อย้ำว่าทุกคนมีอิสระ และสามารถรักใครก็ได้ตามความปรารถนาของตัวเอง

แม้ปกติแล้วความรักโรแมนติกจะถูกมองว่า เป็นความรักที่หมกมุ่นอยู่กับอีกฝ่าย เป็นรักที่ต้องการครอบครองกัน แต่เพราะพื้นฐานแนวคิดนี้ตั้งอยู่บนความอิสรเสรี และเคารพความแตกต่างซึ่งกันและกัน มันจึงอนุญาตให้เราโหยหาถึงคนในอุดมคติที่ตรงใจ โดยที่ไม่พยายามควบคุมหรือครอบครองอีกฝ่ายได้ด้วย ทำให้บางครั้ง รักโรแมนติกจึงอาจหมายถึงความรักที่ไม่ลงเอยด้วยกันได้เช่นกัน

ทำไมเราถึงมองว่าความรักที่ไม่ได้ลงเอยกันถึงน่าหลงใหลนะ? เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าความรักแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ แต่ต้องอาศัยความใจกว้าง และความมั่นคงด้วย

ในมุมจิตวิทยา คนที่สามารถรักแบบไม่ครอบครองได้ มักเกี่ยวข้องกับความมั่นใจในความสัมพันธ์ตามทฤษฎีความผูกพัน (Attachment Theory) เพราะพวกเขาสามารถไว้ใจผู้อื่นได้ รวมทั้งไม่มองตัวเองในแง่ลบ แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้มอบความรักแบบเดียวกลับมา เมื่อเกิดการยอมรับตัวเองจากภายในอย่างแท้จริงแล้ว เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นอิสระได้นั่นเอง

ดังนั้น ส่วนประกอบของความรักประเภทนี้ ที่มีทั้งความเป็นอิสระ เคารพในตัวตนของอีกฝ่าย และความมั่นคงในตัวเอง จึงทำให้ความรักแบบไม่ครอบครอง ถูกมองว่าเป็นความรักที่โรแมนติกในอุดมคติ เป็นรักบริสุทธิ์ เพราะเป็นความรู้สึกที่ไม่แปดเปื้อนต่อความจริงที่ว่า เราต้องรักเขาด้วยเหตุผลต่างๆ นานา เช่น หน้าตา ฐานะ การศึกษา ฯลฯ แต่เป็นเพราะเรารักเขาด้วยความปรารถนาของตัวเองอย่างแท้จริง เพราะแม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันในท้ายที่สุด แต่เราก็ยังคงรักในแบบที่เขาเป็นตัวเองอยู่ดี

ไม่ได้คู่กัน ยังเรียกว่ารักได้ไหม?

แม้ความรักแบบไม่ครอบครองจะฟังดูเป็นรักรสขม หลายคนอาจมองว่า ถ้ารักกันจริงก็ควรจะร่วมต่อสู้เพื่อให้อยู่ด้วยกันมากกว่า แต่จริงๆ แล้ว ต่อให้ไม่ได้เคียงคู่กัน แต่มันก็ยังเป็นความรู้สึกที่ดีได้เหมือนกันนะ

บทความเชิงวิชาการที่ตีพิมพ์ในวารสาร Philosophy International Journal ปี 2022 อธิบายเรื่องการครอบครองความรัก ตามนักปรัชญาชาวอเมริกัน แฮร์รี่ แฟรงเฟิร์ต (Harry Frankfurt) ไว้ว่า ความหลงใหล ตัณหา การหมกมุ่น การครอบครอง หรือการพึ่งพา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเดียวกับความรัก ดังนั้นเรียกได้ว่า การครอบครองอาจไม่ใช่ความรักเสมอไป

นอกจากนี้ ในบทความดังกล่าวยังแบ่งการครอบครองออกเป็นหลายประเภท เช่น การเป็นเจ้าของแบบมองว่าอีกฝ่ายเป็นทรัพย์สินของตัวเอง หรือการเป็นเจ้าของที่สามารถใช้ความรุนแรง หึงหวง หรือหมกมุ่น โดยไม่กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายอึดอัด หรือทุกข์ใจจากการครอบครองขนาดไหน

แต่นอกจากการครอบครองข้างต้น ยังมีอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Loyal Possessiveness นั่นคือ การมองว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เครื่องมือที่เราจำเป็นต้องครอบครอง เพื่อให้ได้อะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง หน้าตาในสังคม หรือความปรารถนาทางหาย แต่คือการที่เรามองว่า เขาเป็นเหมือนสมบัติที่มีคุณค่าในตัวเอง ไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้ ซึ่งการครอบครองแบบนี้ถือเป็นความปรารถนาที่อยากจะรักษาความสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องควบคุมอีกฝ่าย แต่ผสมความรักและภักดีเข้าไปด้วย จนกลายเป็นความผูกพันที่มีความลึกซึ้งอีกรูปแบบหนึ่ง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว จะเห็นได้ว่ารูปแบบความสัมพันธ์ที่ดี มักประกอบไปด้วยการเคารพและเห็นคุณค่าในตัวของอีกฝ่าย เมื่อเรารักใครสักคน บางครั้งอาจหมายถึงการพร้อมจะให้อิสระและยินดีกับเส้นทางที่อีกฝ่ายเลือก แม้ว่าเส้นทางนั้นจะไม่มีเราอยู่ด้วยก็ตาม จึงไม่แปลกเลยหากบางคนจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่รักใครสักคนมากๆ แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะเราแค่อยากเห็นอีกฝ่ายได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการมากกว่านั่นเอง

ท้ายที่สุดแล้ว แม้จะไม่ได้ลงเอยด้วยกัน แต่ถ้าใครคนนั้นไม่สามารถทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ ได้ ก็อาจเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นความรักที่ดีก็ได้นะ

อ้างอิงจาก

sac.or.th

philarchive.org

psychologs.com

Graphic Designer: Manita Boonyong
Editorial Staff: Taksaporn Koohakan

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The MATTER

บอกปุ๊บ จบปั๊ป ทำไมเวลาบอกเพื่อนว่าจะทำอะไร ถึงไม่สำเร็จทุกที

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ญี่ปุ่นประหารชีวิต ‘ฆาตกรทวิตเตอร์’ จากคดีสังหาร 9 ศพในญี่ปุ่นปี 2017

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไลฟ์สไตล์อื่น ๆ

หมดไฟ ? หลงทาง ? โลกหมุนเร็วไป ? SUPALAI Presents CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 คือคำตอบที่คุณตามหา

BT Beartai

คิมจองอึน เปิดตัวรีสอร์ตหรูริมทะเล แหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเกาหลีเหนือ

Manager Online

“โกโกวา” กับแฟนหนุ่ม “ซอลซู” บุกกรุง ชวนคนไทยเล่นเกมกระโดดเชือก ลานคนเมือง เสาชิงช้า

TNN ช่อง16

Coffee Party ปาร์ตี้ตาสว่าง เน้นจัดกลางวัน เทรนด์สังสรรค์แนวใหม่ไร้แอลก็สนุกได้

ONCE

ผ้าห่มพลังงานแสงอาทิตย์ สิ่งประดิษฐ์จากเด็กน้อยอายุ 12 ปี เพื่อช่วยคนไร้บ้านให้อบอุ่นตลอดวัน

Environman

YUYUAN LANTERN FESTIVAL 2025

BLT BANGKOK

"ดร.พีท" แนะหนุ่มสาวออมด้วย ใช้เงินด้วย อย่าให้ไลฟ์สไตล์ชีวิตเสีย

ประชาชาติธุรกิจ

โรงเรียนรุ่งอรุณ สอนการจัดการขยะที่ให้ลงมือทำ ไปพร้อม ๆ กับให้ความรู้ในห้องเรียน

Environman

ข่าวและบทความยอดนิยม

บอกปุ๊บ จบปั๊ป ทำไมเวลาบอกเพื่อนว่าจะทำอะไร ถึงไม่สำเร็จทุกที

The MATTER

ใบลาออกพร้อมแล้ว ใจพร้อมยัง? รับมืออย่างไรในวันที่อยากลาออกแต่โดนสารพัดความกลัวครอบงำ

The MATTER

ชีวิตก็เศร้า แต่ยังชอบดูหนังเศร้า เข้าใจเหตุผลของคนชอบดูหนังเคล้าน้ำตา

The MATTER
ดูเพิ่ม
Loading...