“ช้างศึก” U23 ซ้อมต่อเนื่องเช้า-เย็น, พันธมิตร-ธีรภัทร รับยังต้องปรับตัวเข้าหากัน
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ ยามาโอกะ ฮานาซากะ อคาเดมี ฟุตบอลชายทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลงทำการฝึกซ้อมต่อเนื่องทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี 2025 ASEAN U-23 Championship) ระหว่างวันที่ 15-29 กรกฎาคม 2568
การฝึกซ้อมครั้งนี้ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล ได้ให้นักเตะทั้ง 23 ราย เน้นไปที่การปรับจูนเข้าหากัน รวมถึงเรื่องของการลงแทคติก และคอนเซปต์
ก่อนการฝึกซ้อม พันธมิตร ประพันธ์ กล่าวว่า “การได้ลงแข่งและซ้อมในช่วงที่ผ่านมา ก็เหมือนได้เตรียมร่างกายก่อนในช่วงปรีซีซั่น ก็จะได้เปรียบเรื่องร่างกายในช่วงปรีซีซั่น ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ซ้อมมาต่อเนื่อง ผมก็มีความมั่นใจ จะพยายามทำให้เต็มที่ เพื่อช่วยให้ทีมมีผลงานที่ดีขึ้น”
“การซ้อมกับโค้ชวัง ก็พยายามปรับตัวกับเพื่อนร่วมทีม และแทคติกของโค้ชให้ได้เร็วที่สุด ตัวผมก็เคยติดทีมชาติไทย U23 มาแล้วในครั้งก่อน ครั้งนี้ก็จะแตกต่าง เพราะครั้งนี้ได้เล่นกับเพื่อนหลายคนที่เล่นด้วยกันมา รวมถึงรุ่นน้องที่เรารู้จักกัน และเล่นด้วยกันมานาน เป้าหมายในรายการนี้ก็อยากผ่านเข้าไปให้ได้ลึกที่สุด และเข้าชิงชนะเลิศเป็นอย่างน้อย”
ด้าน ธีรภัทร ปรือทอง กล่าวว่า “ผมมองว่าเป็นเรื่องดีที่ซ้อมทั้งช่วงเช้า-เย็น เพื่อปรับตัวให้เข้ากับตัวเฮดโค้ชมากที่สุด สำหรับวิธีการ โค้ชวังก็เริ่มลงแทคติกแล้วว่าจะเล่นอย่างไร ผมรู้สึกดีใจที่มีชื่อในทีมชาติไทย U23 อีกครั้ง ก็จะพยายามเรียนรู้จากพี่ๆให้ได้มากที่สุด”
“การที่เคยติดทีมชุดนี้มาแล้ว ก็ช่วยอะไรได้หลายอย่าง พี่ๆ ก็พยายามซัพพอร์ตตัวผม ส่วนตัวผมก่อนหน้านี้ก็ได้ไป ซัปโปโร และได้เจอ พีเช็ค สุภโชค สารชาติ ซึ่งก็เล่นตำแหน่งเดียวกัน พี่เช็คก็แนะนำว่า การเล่นปีกความเข้มข้นก็มากกว่ารวมถึงรายละเอียดต่างๆ”
ทีมชาติไทย U23 จะเก็บตัวฝึกซ้อมที่สนาม ยามาโอกา ฮานาซากะ อคาเดมี 1 ไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 โดยจะมีการอุ่นเครื่อง 1 นัด ก่อนเดินทางไปกรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อทำการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน U23 ต่อไป
สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลรายการดังกล่าว ทีมชาติไทย U23 อยู่ร่วมสายกับ เมียนมา และ ติมอร์ เลสเต โปรแกรมการแข่งขันดังนี้ พบ ติมอร์ เลสเต วันที่ 19 ก.ค.68 และ พบ เมียนมา วันที่ 22 ก.ค.68 ในเวลา 20.00 ทั้งสองนัด
ทั้งนี้ การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มจะนำทีมแชมป์กลุ่มทั้งสามกลุ่ม และอันดับ 2 ที่ผลงานดีที่สุด 1 จาก 3 กลุ่มผ่านเข้ารองต่อไป โดย รอบรองชนะเลิศ และ รอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันกันในวันที่ 25 และ 29 กรกฎาคม ณ เกโลรา บุง การ์โน สเตเดียม
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : ฟุตบอลทีมชาติไทย