โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ทริสฯ คงเครดิตองค์กร SENA ที่ “BBB-” ลดอันดับหุ้นกู้เหลือ “BB+”

ทันหุ้น

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น - ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” และลดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเป็น “BB+” จากเดิมที่ระดับ “BBB-” โดยการลดอันดับเครดิตหุ้นกู้สะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวม (Priority Debt Ratio) ของบริษัทที่เกินกว่าเกณฑ์ 50% ซึ่งสะท้อนว่าผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทอาจมีความเสียเปรียบในด้านลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน

อันดับเครดิตสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะเติบโตขึ้นจากการรวมผลการดำเนินงานของโครงการร่วมทุน (Joint Venture -- JV) เข้ามาในงบการเงิน รวมตลอดจนสถานะทางการตลาดที่มั่นคงของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีปัจจัยกดดันจากอัตรากำไรที่คาดว่าจะลดลง ระดับหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง และสภาพคล่องที่ตึงตัวแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้ นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงความท้าทายอย่างต่อเนื่องที่เกิดจากหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้นซึ่งยังคงกดดันความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงการผ่อนคลายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-value -- LTV) ล่าสุด ตลอดจนการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองก็คาดว่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มราคาระดับกลางถึงล่างได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

การมีอำนาจควบคุมในกิจการร่วมค้าที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมความยืดหยุ่นในการดำเนินงานและขยายฐานรายได้และกำไร

ในเดือนกรกฎาคม 2567 บริษัทและพันธมิตรร่วมทุนคือ Hankyu Hanshin Properties Corp. (Hankyu) ได้ตกลงที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการใหม่ทั้งหมด (เริ่มตั้งแต่โครงการที่ 38 เป็นต้นไป) ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทเดียวคือ บริษัท เสนา เอชเอชพี จำกัด (SENA HHP) โดยบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ Hankyu ถือหุ้นที่เหลือ นอกจากนี้ Hankyu ยังให้การค้ำประกันทางการเงินแบบเต็มจำนวนแก่เงินทุนหมุนเวียนของ SENA HHP ซึ่งช่วยลดต้นทุนดอกเบี้ยเมื่อเทียบกับโครงการร่วมทุนก่อนหน้านี้ อีกทั้งโครงการภายใต้ SENA HHPยังไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับยอดขายและไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันในการเบิกเงินกู้อีกด้วย

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงแก้ไขข้อตกลงในการร่วมทุนโดยให้อำนาจประธานกรรมการที่บริษัทเสนอชื่อให้มีสิทธิ์ออกเสียงชี้ขาด (Casting Vote) ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของบริษัทให้สามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีอำนาจควบคุมการดำเนินงานของกิจการร่วมค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงต้องรวมผลการดำเนินงานของกิจการร่วมทุนทั้งหมดเข้ามาในงบการเงินรวมตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป

ทริสเรทติ้งคาดว่าฐานรายได้และกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 7-9 พันล้านบาทในระหว่างปี 2568-2569 และจะถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2570 จากระดับเฉลี่ย 3-4 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยคาดว่าจะมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 90% ของรายได้รวม ทริสเรทติ้งยังคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.6-2.2 พันล้านบาทต่อปีโดยเทียบกับระดับ 1.1-1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนบางส่วนจากยอดขายรอการรับรู้รายได้ (Backlog) ของบริษัทที่มีมูลค่า 7.6 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568

คาดว่าจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้ได้แต่จะมีอัตรากำไรลดลง

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและความสามารถในการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยได้อย่างต่อเนื่องต่อไปในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ในปี 2567 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและภาวะตลาดที่ซบเซา ยอดขายของบริษัทลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเหลือ 8.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสแรกของปี 2568 ยอดขายของบริษัทฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนจนถึงระดับ 3.8 พันล้านบาท หรือเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งปีในปี 2567 ในการนี้ เพื่อผลักดันให้เกิดการฟื้นตัวดังกล่าว บริษัทยอมที่จะมีอัตรากำไรที่ต่ำลงในบางโครงการที่มีอยู่ นอกจากนี้ บริษัทยังรักษากลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเอาไว้โดยผ่าน “โครงการเช่าเพื่อซื้อ LivNex” และขยายฐานลูกค้าต่างชาติผ่านกลุ่มบริษัทนายหน้า ซึ่งประมาณ 30% ของยอดขายในไตรมาสแรกของปี 2568 มาจากสองช่องทางนี้

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 32%-33% สำหรับปี 2568-2570 จากระดับ 34%-45% ที่เคยปรากฏในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา การปรับลดนี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัยและการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างรายได้ของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ รายได้จากค่าบริหารโครงการร่วมทุนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าการขายที่อยู่อาศัยนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 25%-30% ของรายได้รวม แต่หลังจากการรวมกิจการร่วมทุนเข้ามา การขายที่อยู่อาศัยได้กลายมาเป็นแหล่งรายได้หลักเพียงอย่างเดียว ซึ่งส่งผลทำให้กำไรขั้นต้นโดยรวมของบริษัทลดลง ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (Selling, General, and Administrative -- SG&A) ให้อยู่ที่ระดับ 17%-18% ของรายได้รวมได้ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้อัตรา EBITDA อยู่ที่ระดับ 21%-22% ตลอดช่วงประมาณการ

ภาระหนี้สินทางการเงิน-กระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น

หลังจากที่บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่และซื้อที่ดินจำนวนมากในปี 2566 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเป็น 59% อย่างไรก็ตาม การชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่และซื้อที่ดินตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมาได้ช่วยลดระดับภาระหนี้สินทางการเงินของบริษัทลง จนทำให้อัตราส่วนดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 56% ในช่วงปี 2567 จนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 แต่แม้จะมีการปรับตัวดีขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทก็ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยที่รุนแรงและต้นทุนดอกเบี้ยที่สูง

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่มูลค่ารวมประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2568-2570 โดยประมาณสามในสี่ของโครงการเหล่านี้จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียม สำหรับงบประมาณสำหรับการซื้อที่ดินนั้นคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 300 ล้านบาทในปี 2568 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2569-2570 จากสมมติฐานเหล่านี้ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 56% ในปีนี้และจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในช่วง 50%-55% ในระหว่างปี 2569-2570 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินก็คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะถึงระดับ 4% ภายในปี 2570

ข้อกำหนดทางการเงินสำหรับหุ้นกู้และเงินกู้จากสถาบันการเงินระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนทุนไม่ให้เกินกว่า 2.5 เท่าและอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุนจะต้องไม่เกินกว่า 1.75 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2568 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่าและ 1.4 เท่าตามลำดับ ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

สภาพคล่องที่ตึงตัวแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้

ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่ตึงตัวแต่ยังสามารถบริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2568 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 919 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารแบบไม่มีเงื่อนไขอีกจำนวน 4.3 พันล้านบาท โดยคาดว่าเงินทุนจากการดำเนินงานในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 140 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินที่ปลอดภาระหนี้และที่อยู่อาศัยที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมขายในโครงการที่ปลอดภาระหนี้ที่มีมูลค่าตามบัญชีรวม 4.5 พันล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับวงเงินกู้กับสถาบันการเงินได้ในกรณีที่จำเป็นอีกด้วย ทริสเรทติ้งประเมินว่าแหล่งเงินทุนรวมของบริษัทจะสามารถครอบคลุมภาระหนี้ที่ครบกำหนดในช่วง 12 เดือนข้างหน้าได้ประมาณ 70%–80% ภายใต้สมมติฐานเกี่ยวกับ LTV ที่กำหนดไว้ในระดับหนึ่ง

ในทางกลับกัน บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าที่มูลค่ารวม 1.08 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 4.4 พันล้านบาท เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 3.9 พันล้านบาท เงินกู้โครงการระยะยาวจำนวน 2.4 พันล้านบาท และภาระผูกพันจากสัญญาเช่าอีกจำนวน 100 ล้านบาท บริษัทมีแผนจะรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดโดยใช้การออกหุ้นกู้ใหม่ร่วมกับเงินกู้จากธนาคาร ส่วนเงินกู้ระยะสั้นซึ่งส่วนใหญ่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นวงเงินสินเพื่อใช้ในการซื้อที่ดินนั้นคาดว่าอาจจะมีการต่ออายุหรือเปลี่ยนเป็นเงินกู้โครงการระยะยาวต่อไป ส่วนเงินกู้โครงการนั้นโดยปกติบริษัทจะชำระคืนด้วยเงินสดที่ได้รับจากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย

โครงสร้างหนี้

ณ เดือนมีนาคม 2568 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินรวมซึ่งไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่าอยู่ที่จำนวน 2.2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนซึ่งเป็นหนี้ที่มีหลักประกันของบริษัทและของบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่จำนวน 1.29 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมที่ระดับ 59% เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมดังกล่าวสูงเกินกว่าเกณฑ์ 50% ตาม “เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้” ของทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งจึงประเมินว่าผู้ถือหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทอาจมีความเสียเปรียบในด้านลำดับสิทธิเรียกร้องเหนือสินทรัพย์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อน ด้วยเหตุนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทจึงถูกปรับลดลง 1 ขั้นจากอันดับเครดิตองค์กร

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในช่วงปี 2568-2570 มีดังนี้

• บริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่มูลค่า 6-7 พันล้านบาทต่อปี

• งบประมาณสำหรับการซื้อที่ดินจะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3.3 พันล้านบาทในช่วงปี 2568-2570

• รายได้จากการดำเนินงานรวมจะอยู่ในช่วงประมาณ 7-9 พันล้านบาทในระหว่างปี 2568-2569 และจะขึ้นไปถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2570

• EBITDA จะอยู่ในช่วง 1.6-2.2 พันล้านบาท โดยจะมีอัตรา EBITDA อยู่ที่ระดับ 21%-22%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้และสถานะทางการเงินของบริษัทจะไม่อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและ/หรือสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงเกินกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนสูงเกินกว่า 60% อย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจได้รับการพิจารณาหากบริษัทสามารถปรับปรุงผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 55% และการปรับปรุงอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้สูงเกินกว่าระดับ 7.5% เป็นต้น

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 26 ธันวาคม 2567

- การจัดอันดับเครดิตบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย, 12 มกราคม 2566

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

SENA259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,530 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 BB+

SENA261A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 895 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BB+

SENA262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 BB+

SENA274A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 BB+

SENA279A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 BB+

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

DV8 เผยกลุ่มนลท. 8 รายแจ้งจะทำเทนเดอร์รับซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทริสฯ จัดเครดิตหุ้นกู้ BJC ชุดใหม่วงเงิน 1.6 หมื่นลบ. ที่ระดับ “A”

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

LINE เปิดตัว “LINE GIFT” เปลี่ยนบทสนทนาให้มีความหมายกว่าเคย สร้างเทรนด์ใหม่แห่งการให้ของขวัญผ่านแชท

สยามรัฐ

ทรู ดีแทค เปิด “เบอร์มงคลเฉพาะคุณ เทพคัดสรร” โดย อ.ช้าง พร้อมของมงคล ExMUsive ที่สายมูห้ามพลาด!

สยามรัฐ

พม.พัฒนา “App DepFund” สร้างโอกาส “คนพิการและผู้ดูแล” เข้าถึงบริการเงินกู้ยืมง่ายขึ้น หนุนคนพิการขับเคลื่อนศก.ไทย

สยามรัฐ

ดาวโจนส์พุ่ง 304 จุด รับจ้างงานภาคเกษตรสหรัฐ มิ.ย. เพิ่ม 1.47 แสนตำแหน่ง

ข่าวหุ้นธุรกิจ

EXIM BANK จับมือ DITP หนุนผู้ส่งออกไทยบุกตลาดใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สยามรัฐ

วิ่งฉิว! ทล.ขยาย 4 ช่องจราจร ทล.3395 สายบ.ช่องกุ่ม-บ.โคคลาน จ.สระแก้ว แล้วเสร็จ ยกระดับคมนาคม

สยามรัฐ

กสทช. บุกจับวิทยุสื่อสารเถื่อนกว่า 2 หมื่นเครื่อง มูลค่ากว่า 20 ล้าน

สยามรัฐ

มาสด้า ส่งรถ CX-3 Essential ลุยตลาดหวังดันยอดครึ่งปีหลัง

ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ทริสฯ คงเครดิตองค์กร SENA ที่ “BBB-” ลดอันดับหุ้นกู้เหลือ “BB+”

ทันหุ้น

SENAเปิดโมเดลจูงใจลูกค้า วอนรัฐจัดแผนกระตุ้นอสังหา

ทันหุ้น

SENAชูโปรเจกต์เช่าออมบ้าน พร้อมรุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อป

ทันหุ้น
ดูเพิ่ม
Loading...