ค้น10จุดรวบแก็งค์“e-Money”เถื่อน ผงะ!เม็ดเงินหมุนเวียนกว่า400ล้าน
“ตำรวจสอบสวนกลาง” เปิดปฏิบัติการ "Bye Bye Dark Wallets" บุกค้น10จุด พื้นที่”กทม.-นนทบุรี-ปทุมธานี” รวบหัวแถว e-Money เถื่อน พบเม็ดเงินหมุนเวียนไหลออกนอกประเทศรวมเกือบ 400 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.สั่งการพล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พิทยา คงเจริญ รอง ผกก.5 บก.ปอศ. ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ มอญรัตน์ และ ว่าที่ พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังเปิดปฏิบัติการ "Bye Bye Dark Wallets" เข้าตรวจค้นสำนักงานและโกดังบริษัทแพลตฟอร์มบริการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนบนเว็บไซต์เถื่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี และปทุมธานี รวม10 จุด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท และในฐานะนิติบุคคล ดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง"
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มบนเว็บไซด์ให้บริการเป็นตัวกลางสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนเถื่อนจำนวนมาก ทำให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางนำเงินจากประเทศไทยออกนอกประเทศได้โดยเสรีไม่มีมาตรการกำกับดูแลผู้ใช้งานและยังสามารถจะหลบเลี่ยงภาษี หรือ เป็นช่องทางการโอนเงินผิดกฎหมาย รวมทั้งเป็นช่องทางการฟอกเงินเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจสีเทาในรูปแบบต่างๆได้อีกด้วย ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานเพราะต้องสมัครสมาชิกและเปิดบัญชีกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์กับบริษัทบนเว็บไซต์ พร้อมทั้งเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัทฯไว้ล่วงหน้า จึงมีเงินจากประชาชนหลั่งไหลเข้าไปในระบบธุรกิจดังกล่าวเป็นจำนวนมากเป็นภัยต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างร้ายแรง ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นในระบบการเงินและผู้ใช้บริการ จึงมอบหมายให้บก.ปอศ.ไปดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.กล่าวว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบบริษัท ทีดีเออาร์ จำกัด , บริษัท บีทีอาร์ อิมพอร์ต แอนด์ เอ็กซ์พอร์ต จำกัด , บริษัท โอ-ที-อี จำกัด ,บริษัท อนันต์ คาร์โก้ เอ็กซ์เพรส จำกัด และ บริษัท ยัวร์เบ่าเบา จำกัด ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำไปชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือค่าอื่นใด แทนการชำระด้วยเงินสดจริง โดยมิได้มีการขออนุญาตในการประกอบธุรกิจ มียอดเงินหมุนเวียนรวมกันเกือบ 400 ล้านบาท จึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้นสำนักงานและโกดังสินค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ จ.นนทบุรี และปทุมธานี รวม10 จุด พบว่าหลายบริษัทใช้บุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องมาเป็นผู้ถือหุ้นหรือกรรมการบริษัทโดยมีชาวจีนเป็นผู้ครอบครองและรับผลประโยชน์ที่แท้จริง เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัทดังกล่าวรวม 7 ราย พร้อมยึดคอมพิวเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง อีกหลายรายการไว้เป็นหลักฐาน ส่งพงส.ดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลการจับกุมต่อไป