โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ผ่าเกม "ตลาดหุ้นไทย" แข่งยังไงให้ชนะในสมรภูมิตลาดอาเซียน

PostToday

อัพเดต 14 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

โลกการลงทุนที่เคลื่อนไหวรวดเร็วและไร้พรมแดน ตลาดหุ้นในอาเซียนกลายเป็นเวทีแข่งขันสำคัญสำหรับนักลงทุนทั่วโลกขณะที่ เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซียเดินหน้าด้วยการปฏิรูปโครงสร้าง สร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดทุนจากต่างชาติ ตลาดหุ้นไทยกลับต้องเผชิญภาวะซบเซาและปัญหาโครงสร้างที่สะสมมาอย่างยาวนาน

คำถาม คือ ตลาดทุนไทยรักษาจุดแข็งเดิมไว้ได้หรือไม่ ? และ เราจะยืนอยู่ตรงไหนในเกมการแข่งขันของอาเซียน ?

"อัสสเดช คงสิริ" กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดแผนฟื้นตลาดหุ้นไทยว่า ในวันนี้ตลาดหุ้นไทยเผชิญความผันผวนค่อนข้างมาก ที่นอกเหนือจากประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐที่ที่ต้องติดตามแล้วนั้น

โลกยังมีอีกหลายเรื่องราวที่กำลังเปลี่ยนแปลง อาทิ EU พิจารณาธุรกิจต่างๆปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากน้อยแค่ไหนซึ่งจะกระทบการตัดสินใจลงทุน เป็นต้น ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้นักลงทุนหลายคนไม่กล้าลงทุน

แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือ เศรษฐกิจไทยวันนี้ทางแบงก์ชาติคาดการณ์จีดีพีเติบโต 2.3% สวนทางกับเวิล์ดแบงก์ที่มองว่าต่ำกว่า โดยแบงก์ชาติมองว่าครึ่งปีแรกจีดีพียังเติบโตราว 3% ไม่ว่าตัวหารในช่วงครึ่งปีหลังจะเกิดอะไรขึ้นแต่สิ่งที่แบงก์ชาติอยากเห็นคือการจัดสรรงบประมาณภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นการลงทุนให้กลับมาได้

ขณะที่การส่งออกแม้จะเกิดกรณีเลวร้ายแค่ไหนทางแบงก์ชาติคงมองส่งออกเฉลี่ยทั้งปีนี้เติบโต อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

ขณะที่ความมั่นคงของประเทศถือว่าค่อนข้างดี ธนาคารแข็งแกร่ง พันธบัตรภาคเอกชนในวันนี้ที่มีกระแสความเสี่ยงแต่ภาพรวมยังถือว่าดี การคัดเลือกและให้เรตติ้งถือว่าดี แต่บางเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้ตกใจอาจต้องพิจารณาแยกแยะให้ดี

หากดูตามที่บริษัทจดทะเบียนของไทย ณ วันนี้ในส่วนของ P/E อยู่ในระดับต่ำ แต่ Dividend Yield ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับภูมิภาค ซึ่งโดยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังเติบโตไม่ใช่ทดถอย อีกทั้ง หากมองตามพื้นฐานของนักวิเคราะห์หลายแห่งมองว่า Downside Risk ค่อนข้างต่ำ

ด้านสภาพคล่องหลายวันที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยต่ำกว่าสิงคโปร์ เริ่มเห็น 26,000 ล้านบาทถือว่าน่าเป็นห่วงเและต้องหาทางแก้แต่ก็ยาก แม้จะมีโปรแกรม Thai ESGX ตอนนี้ยังมี LTF ค้างอยู่กว่าแสนล้านบาทซึ่งอาจจะกดดันในอนาคต ดังนั้นจึงต้องกลับมาที่ปัจจัยพื้นฐานบริษัทหากไม่สามารถสร้างความน่าสนใจต่อนักลงทุนได้ก็ดึงสภาพคล่องกลับเข้ามาไม่ได้

ดังนั้นกลับมาที่พื้นฐานของสินค้าและธุรกิจของตลาดทุน หน้าที่หลักของ ตลท. คือ"สร้างโอกาส" ซึ่ง DR เป็นโอกาสการลงทุนหุ้นต่างประเทศ คนไทยลงทุนได้โดยไม่ต้องขนเงินไปลงทุนในต่างประเทศ วันนี้ความนิยมใน DR เพิ่มขึ้น 20% มาร์เก็ตแคปเติบโตเร็ว

นอกจากนี้ ก.ล.ต. เร่งผลักดัน TISA หาทางควบรวมโปรแกรมทั้งหมดอยู่ในที่เดียว อาทิ กองทุนรวม LTF เข้ามาอยู่ในระบบเดียวกันเพื่อลดความผันผวนในอนาคต

โดย TISA สร้างดีมาน์ซัพพลายควบคู่กันและสร้างการออมระยะยาว ซึ่งอาจซื้อได้ทั้งหุ้น, ETF, DR และพันธบัตร เพื่อจัดพอร์ตลงทุนได้ในที่เดียว เป็นต้น แต่ NISA สร้างดีมานด์ ส่วนตัวคาดหวังว่าโครงการ TISA ชัดเจนในปี 2568 นี้

เสน่ห์ ? ตลาดทุน

  • Wellness Tourism
  • ยิลด์สูง 3 ปี แตะระดับ 5.58%
  • Sustainability ทำดีทำถึงทำต่อ

"Valuation ของไทยถูก แต่ถ้าถูกแล้วไม่มีอัพไซด์ก็สร้างความสนใจได้ยาก"

การซื้อหุ้นคืน เป็นสัญญาณสะท้อนความเชื่อมั่นพื้นฐานของบริษัท แต่แทนที่จะซื้อหุ้นคืนนำเงินไปลงทุนธุรกิจเพิ่มเติมดีกว่าหรือไม่ เพราะถ้าไม่ลงทุน นั่นแปลว่าโอกาสทางเศรษฐกิจและการแข่งขันของไทยถดถอยหรือไม่ หลายบริษัทพึ่งพาการบริโภคในประเทศ หนี้ครัวเรือนที่สูงทุกคนจึงต้องงดการลงทุน ตลท.ต้องมาดูว่าจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร

"การซื้อหุ้นคืนเพราะเงินเหลือเยอะและมีการลงทุน แต่เวลาลงทุนต้องดูว่าเวลาประกาศซื้อหุ้นคืน บริษัทนั้นมีเงินเหลือไปลงทุนหรือไม่ เท่าที่ดูบริษัทก็ไปลงทุน"

อัสสเดช เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ทั้งกลุ่มเฮลท์แคร์ที่เติบโต เพียงแต่ต้องสื่อสารให้นักลงทุนทราบ ที่สำคัญหากการเจรจาภาษีสหรัฐฯมีข้อตกลงที่ชัดเจนและไทยสามารถแข่งขันการค้าระหว่างประเทศได้จะทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นและวิเคราะห์ได้ว่าอุตสาหกรรมไหนสามารถแข่งขันได้ ผสานการใช้งบประมาณของประเทศในช่งครึ่งปีหลังได้จะกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้

"วันนี้ทรัพย์สินหรือสินค้าของไทยน่าสนใจน้อยลงในพื้นฐาน หากดูอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(Return On Equity:ROE)ของแต่ละบริษัท อย่าง คอสโก ROE แตะ30% โตต่อเนื่อง ผมลองเซิร์จถามเอไอว่าบริษัทจดทะเบียนไทยที่มี ROE มากกว่า 30% มีกี่บริษัท เชื่อหรือไม่ว่ามีเพียง 15 บริษัทเท่านั้น ดังนั้นความหวังคือโครงการจั๊มพ์พลัส(JUMP+)จะช่วยผลักดันอนาคตและโอกาสการแข่งขันในตลาดอาเซียน"

อนาคตตลาดหุ้นไทยจะไม่ถูกกำหนดด้วยอดีตอีกต่อไป หากแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจวันนี้ ทั้งนโยบาย ความโปร่งใส กลไกการระดมทุน และการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์นักลงทุนทั่วโลก ตลาดหุ้นไทยต้องกล้าปรับโครงสร้าง รื้อระบบที่ล้าหลัง และสร้างมาตรฐานใหม่ หากหวังจะกลับมายืนหนึ่งในอาเซียนท่ามกลางกระแสทุนที่พร้อมเปลี่ยนทิศทางได้ทุกเมื่อ

ตลาดทุนไม่รอใคร และประเทศไทยก็ไม่ควรหยุดนิ่งอีกต่อไป.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก PostToday

นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เจ้าหน้าที่ควบคุมแล้ว

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พรรคประชาชน ชี้รถไฟฟ้า 20 บาท อุ้มนายทุน ชู 'ตั๋วร่วม' 8-45 บาท

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

'ดนุพร' แจง 'ทักษิณ' ร่วมวงทีมไทยแลนด์เป็นเรื่องปกติ ของทุกรัฐบาล

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิง ไทย พบ แคนาดา VNL 2025 วันนี้ 13 ก.ค.68

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ธุรกิจ-เศรษฐกิจ อื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...