ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศสถาปนา "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์"
วันที่ 22 ก.ค.2568 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสถาปนา สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระราชอนุสรณ์คำนึงถึง พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม สกลมหาสังฆปริณายกพระองค์ที่ 11 ว่า มีพระคุณูปการอย่างยิ่ง แด่พระบวรพุทธศาสนาและราชอาณาจักรไทย ทรงมีคุณูปการแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงพระผนวช
ได้ถวายพระโอวาทานุสาสนี ตามพระฐานะแห่งพระอาจารย์ทุกประการ ทรงรับธุระพระพุทธศาสนา บริหารทำนุบำรุงต่อเนื่องมาแต่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ด้วยพระอุเบกขาอันแน่วแน่เที่ยงธรรม ทรงพระสติปัญญาสามารถ ทรงพระสุตญาณปรีชาอันลึกซึ้ง เป็นพหุสุตเมธีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
มีน้ำพระทัยเยือกเย็น ทรงพระกัลยาณัธยาศัยประนีประนอมถ่อมพระองค์ ดำรงพระสีตลหฤทัยใสสะอาด พระศีลาจารวัตรวิมลไม่มัวหมอง ทรงเรืองรองด้วยพระสมรรถคุณพหุลปัญญา มีพระกมลหมายมุ่งแต่กรณียกิจ อันอำนวยหิตานุหิตประโยชน์ต่อพระบวรพุทธศาสนาและมหาชน ให้บังเกิดผลดีต่อราชอาณาจักร
ทรงรักษาพระบวรพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์ ด้วยทรงพระอุตสาหะ รับเป็นประธานชำระและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐ สนองพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และสำเร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นธรรมทานวัตถุ สืบอายุพระนวังคสัตถุศาสน์ ทั้งยังทรงจัดตั้งมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยและทรงพระกรุณาโปรดให้มีการสอบธรรมศึกษาสำหรับคฤหัสถ์ด้วย
บัดนี้ บรรลุอภิลักขิตสมัย 100 ปี วันสวรรคตแห่งพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ 100 ปี วันเสด็จขึ้นทรงราชย์แห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เพื่อเป็นการสืบสนองพระบรมราชปณิธาน ในการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเสด็จสถิตที่พระฐานะไทวภราดรมหาราชาภินิษกรมณาจารย์ พระราชกรรมวาจาจารย์ในสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช พระบรมอัยกาธิราช ในรัชกาลปัจจุบันทั้งสองพระองค์ นับเนื่องโดยตรงถึงพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นธรรมทายาท ตามพระราชสถานะอนุศิษย์
ด้วยเหตุที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวราลงกรณ เป็นพระราชอุปัธยาจารย์ สมควรจักสถาปนาพระอิสริยยศพระอัฐิ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบูรพาจารย์ทางธรรมในรัชกาลปัจจุบัน เพื่อเป็นที่เฉลิมพระราชศรัทธา
จึ่งมีพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาพระอิสริยยศทางพระบรมราชวงศ์และทางพระสมณฐานันดรศักดิ์ เฉลิมพระนามพระอัฐิ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระ เสด็จสถิตที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรวิสุทธิเทวารยวงศ์ มหาเจษฎานุพงศสิริวัฒน ภัทรผลพูลสวัสดิขัตติยพรหมจารี สังฆราชาธิบดีศรีสมณุตมปริณายก ตรีปิฎกกลาโกศล มงคลธรรมเจดีย์คัมภีรญาณยุตสุตสุนทร ไทวภราดรมหาราชาภินิษกรมณาจารย์ ศุภศีลศานติ์มหาอนาคาริยรัตน พุทธศาสนบริษัทนิปัตยคารวสถาน มโหฬารเมตตาขันตยาไศรย ศรีรัตนตรัยสรณคุณารักษ์ อุกฤษฏศักดิสกลสงฆปาโมกขคณิศราธิบดี มหาสถาวีรวโรดมบรมบพิตร
การนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้เจ้าพนักงานจัดเบญจปฎลเศวตฉัตร ถวายกางกั้นพระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระชินวรสุทธิเทวารยวงศ์ ซึ่งประดิษฐานในซุ้มคูหาพระเจดีย์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ถวายเป็นเครื่องปรากฏแห่งพระมหาสมณคุณสืบไป
ขอให้พระเกียรติคุณวิบุลยศ ปรากฏแผ่ไพศาลไปในสากลจักรวาล ตราบจิรัฏฐิติกาลนิรันดร เทอญ
ประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 เป็นปีที่ 10 ในรัชกาลปัจจุบัน
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ