“สุริยะ”รักษาการนายกฯ หลัง“แพทองธาร” ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่
สถานการณ์การเมืองไทยเดินหน้าสู่จุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว ระหว่างพิจารณาคำร้องกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ซึ่งถูกมองว่าอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม จากพรรคเพื่อไทย ต้องขึ้นดำรงตำแหน่ง “รักษาการนายกรัฐมนตรี” ตามมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ
การแต่งตั้งให้ “สุริยะ” ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ไม่ได้เกิดขึ้นท่ามกลางความเรียบร้อย แต่กลับเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของรัฐบาล ที่เผชิญวิกฤติความนิยมตกต่ำอย่างรุนแรง ทั้งจากโพลหลายสำนักที่ชี้ว่านายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย กำลังสูญเสียฐานเสียงสนับสนุนไปอย่างรวดเร็ว และจากแรงกดดันบนท้องถนน ที่มีการชุมนุมประท้วงหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหนึ่งในนักการเมืองอาวุโสที่ผ่านประสบการณ์บริหารในหลายรัฐบาล เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วหลากหลายกระทรวง และได้รับความไว้วางใจจากพรรคเพื่อไทยให้ดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.คมนาคม
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เขาต้องเผชิญในฐานะ “รักษาการนายกฯ” ไม่ใช่เรื่องเล็ก เมื่อรัฐบาลกำลังสั่นคลอนจากแรงปะทะทั้งภายนอกและภายใน
แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า นายสุริยะได้เรียกประชุมคณะทำงานใกล้ชิดทันที หลังได้รับหนังสือคำสั่งจากศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อประเมินสถานการณ์และเตรียมกำหนดแนวทางในการรักษาเสถียรภาพของฝ่ายบริหาร ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน และการควบคุมสถานการณ์การชุมนุม
ขณะเดียวกัน บรรยากาศภายในพรรคเพื่อไทยเอง ก็เริ่มปรากฏแรงสะเทือน เมื่อมีรายงานว่าแกนนำบางส่วนเริ่มเสนอแนวคิดให้เตรียม "แผนสำรอง" หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร พ้นจากตำแหน่งอย่างถาวร และอาจต้องยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน
ในช่วงที่สุญญากาศอำนาจกำลังก่อตัวขึ้น ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาทางการเมืองนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ต้องรับบทผู้นำชั่วคราว ที่ต้องไม่เพียงแค่ “รักษา” อำนาจบริหารให้เดินหน้าต่อได้ แต่ยังต้อง “ประคับประคอง” ความหวังของประชาชนที่เริ่มหมดศรัทธาต่อระบบการเมืองไทย
สถานการณ์ขณะนี้จึงไม่ใช่แค่การรักษาการตามกฎหมายเท่านั้น หากแต่เป็นบทพิสูจน์ความสามารถทางการเมือง และการตัดสินใจที่ถูกจังหวะของผู้นำในเวลาวิกฤติ