4กูรูชี้ อสังหาฯไม่สะเทือนนายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่- หุ้นดีดยกแผงสัญญาณบวกครึ่งปีหลัง

วันที่1ก.ค.68 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 ให้รับคำร้อง และมีมติ 7 ต่อ 2 ให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา หลังจาก รัฐบาลแพทองธาร1/2 (ครม.อิ๊งค์1/2) ได้รับการโปรดเกล้าฯ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าและเป็นที่แน่ชัดว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่นำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์วันที่3ก.ค.นี้ อย่างไรก็ตามภาพรวมมองว่า ภาคธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังมีรัฐบาลยังพยุงเศรษฐกิจประเทศต่อได้ ท่ามกลางกระแสคลื่นลมรุนแรง

นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่งผลดัชนี้หุ้นหลายกลุ่มเป็นบวก โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และนักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อ มองว่าเป็นสัญญาณ ที่คลี่คลายเนื่องจากมีความอึมครึมมาระยะ และเมื่อผลตัดสินออกมาชัดเจน ผู้ประกอบการสามารถวางแผนธุรกิจได้ อย่างไรก็ตามภาคอสังหาฯไม่ได้รับผลกระทบ ในทางกลับกัน มาตรการรัฐที่เคยอนุมัติไว้สามารถเดินหน้าต่อได้ โดย ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง มาตการ ยกเว้น เกณฑ์ LTV (Loan to Value) หรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าทรัพย์สินมาตรการคุณสู้เราช่วย เฟส2 ฯลฯ

ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจของไทยหรือจีดีพีปี2568 ขยับมาที่2.3% จากที่เคยประเมินไว้ที่1.8% ช่วงที่เกิดแผ่นดินไหวและการประกาศนโยบายกำแพงภาษีสหรัฐอเมริกาใหม่ๆ จึงมองว่าเป็นปัจจัยลบและยังไม่มีมาตรการรับมือ

ขณะปัจจัยบวกที่น่าจับตา การเจรจาภาษีสหรัฐฯ โดยรัฐบาลไทยต่อรองกับสหรัฐฯ อย่างชาญฉลาดว่าขอตัวเลขเสียภาษีเท่ากับประเทศคู่แข่งทางการค้าในประเทศแถบอาเซียน อาทิเวียดนามฯลฯซึ่งสหรัฐฯเองมองไทยเป็นมิตรประเทศมากกว่าศัตรู การเจรจาครั้งรี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามในภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง สถานการณ์น่าจะเป็นบวกมากขึ้น ซึ่งมาจาก การผ่อนคลายในหลายด้าน ขณะเดียวกันสมาคมฯได้หารือกับศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เพื่อปรับตัวเลขการเติบโตของที่อยู่อาศัย ให้สอดคล้องกับจีดีพี ของธปท.และประเมินว่ามาตรการรัฐได้ผลหรือไม่ ในช่วงไตรมาส2 แต่หากไม่เพียงพอหรือภาคเอกชนต้องเพิ่มเติมสมาคมฯจะมีแผนเสนอรัฐบาลต่อไป

ด้านนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกกิติมศักดิ์ สมาคมอาคารชุดไทย และประธานกรรมการบริหาร บมจ.ริชี่เพลซ 2002 กล่าวว่า นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่มองว่าไม่กระทบมากนักเนื่องจากรัฐบาลยังคงบริหารประเทศต่อได้ และมีรักษาการนายกฯ เพียงแต่มีความเปราะบางขาดเสถียรภาพ จากเสียงที่ปริ่มน้ำ

ท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจ อีกทั้งปัจจับลบภายนอก ไม่ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการยาแรงออกมาไม่สามารถต้านทานได้ เห็นได้จาก มาตการลดค่าโอนและจดจำนองรวมถึงผ่อนผัน LTV (Loan to Value) หรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าทรัพย์สิน ที่ช่วยไม่ได้มากนัก ขณะเดียวกันภาคเอกชนส่วนใหญ่ต่างช่วยเหลือตนเอง และใช้กลยุทธ์ที่มีดึงกำลังซื้อลูกค้าแม้จะเจอด่านยากจากความเข้มงวดของสถานบันการเงินก็ตาม

นายพรนริศ ชวยไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ประเมินว่า รัฐบาลยังคงทำหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ แต่ เพียงขาดเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม หวังว่ารัฐบาลจะมีมาตการใหม่ออกมา เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินต่อได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เหลือ

นายสุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย ประเมินว่า สถานการณ์รัฐบาลโดยเฉพาะนายกฯก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีอยู่แล้วตั้งแต่เรื่องคลิปเสียงที่ออกมา การที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่จึงน่าจะเป็นผลดีต่อภาพรวมของรัฐบาลมากกว่า

เพราะถ้ายังทำหน้าที่ต่อไปจะยิ่งเพิ่มความไม่พอใจให้กับประชาชนจนอาจจะมีการประท้วงวุ่นวาย แต่หลังจากนี้ต้องดูว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อไปในรูปแบบใด ฝ่ายการเมืองต่างๆ จะมีการดำเนินการขั้นตอนอย่างไรต้องติดตาม อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นในรัฐบาล ณ ปัจจุบันของคนไทยหรือในสายตาของนักลงทุนทั่วไปแทบไม่มีแล้ว เพราะไม่มีมาตรการหรือนโยบายใดๆ ที่ออกมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาหรือกระตุ้นเศรษฐกิจรวมไปถึงความชัดเจนในเรื่องต่างๆ