รัฐอัดยาแรงแก้ราคาข้าวดิ่ง ดันสินเชื่อกลุ่มเกษตรกรทำ “แก้มลิง”
กระทรวงพาณิชย์ ได้จัดประชุมกำหนดความต้องการใช้ข้าว ปีการผลิต 2568/69 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคเกษตรกร โดยพิจารณาและประเมินจากความต้องการใช้ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ด้านส่งออก 2.ด้านการใช้เพื่อบริโภคในประเทศ และ 3. ด้านการใช้ทำเมล็ดพันธุ์ ซึ่งจากการวิเคราะห์และประเมินพบว่าความต้องการใช้มีปริมาณ 28.664 ล้านตันข้าวเปลือกลดลง 0.727 ล้านตัน จากปีการผลิตก่อนมีความต้องการใช้ที่ 29.391 ล้านตันข้าวเปลือก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความต้องการใช้ข้าวลดลงมาจากผลผลิตโลกแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว อินโดนีเซียประกาศอาจชะลอการนำเข้าข้าวไปจนถึงปี 2569 ขณะที่ฟิลิปปินส์มีแผนจะปรับลดราคาขายปลีกแนะนำสูงสุดของข้าวนำเข้าตั้งแต่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจมีผลต่อกลไกราคาข้าวของตลาดโลกในระยะข้างหน้า ส่งผลให้รัฐบาลไทยมีมาตรการเพิ่มองค์กรกลุ่มในการเก็บข้าวเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไม่ให้ตกตํ่า
นายจารึก กมลอินทร์ ประธานคณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศและกรรมการคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.)เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นโยบายรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกจะเดินหน้าด้วยศูนย์ข้าวเปลือกชุมชน ซึ่งจะเป็นองค์กรกลุ่มเกษตรกรทั้งวิสาหกิจ แปลงใหญ่ และศูนย์ข้าวชุมชน ปัจจุบันมีกว่า 2 หมื่นกลุ่มที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการรัฐบาลในการเก็บข้าว ที่ผ่านมามีแต่สหกรณ์การเกษตร ดังนั้นการเพิ่มผู้ซื้อมากขึ้นในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันจำนวนมาก จะส่งผลดีต่อเกษตรกรทำให้ขายข้าวได้ราคามากขึ้น
“ลักษณะโครงการนี้จะเป็นเหมือนแก้มลิงเก็บข้าว ตั้งเป้าที่จะรับซื้อข้าวเป็นข้าวคุณภาพภาคเหนือ และภาคอีสาน เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ เป็นต้น โดยจะคัดเลือกจากกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งก่อน เพราะต้องทำธุรกิจครบวงจร เป็นการยกระดับการประกอบอาชีพของเกษตรกรชาวนา เพื่อเข้าถึงเงินทุนและสินเชื่อ ตั้งแต่ 3 ล้านบาทจนถึง 100 ล้านบาทเพื่อใช้หมุนเวียนในการรับซื้อผลผลิต โครงการดังกล่าวได้ผ่านมติ นบข.เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 68 เรียบร้อยแล้ว”
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 45 ฉบับที่ 4,115 วันที่ 20 - 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568