ชาวบ้านร้องภาครัฐช่วยเหลือ ตลิ่งลำน้ำพองพัง รถใหญ่สัญจรไม่ได้
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม นายประสิทธิ์ คลังกลาง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ได้รับแจ้งว่าเกษตรกรที่มีที่ทำกินริมลำน้ำพอง บ้านท่าโพธิ์หมู่ที่ 4 ต.ท่ากระเสริม ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากตลิ่งลำน้ำพองพังทำให้ถนนลำเลียงการเกษตรเสียหายไม่สามารถสัญจรผ่านได้ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว
จากการลงพื้นที่จะต้องขับรถเลาะเลียบไปตามถนนริมลำน้ำพอง ฝั่งซ้ายซึ่งเป็นถนนลูกรังจากบ้านท่าโพธิ์ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จะต้องจอดรถแล้วนั่งรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเข้าไปยังจุดที่ตลิ่งพังอีกประมาณ 200 เมตร พบว่าแนวถนนที่เป็นคันคูตลิ่งถูกน้ำซัดพังยาวกว่า 300 เมตร ลึกประมาณ 5 เมตร ยังคงเหลือพื้นที่ให้สัญจรบางช่วงโดยใช้รถจักรยานยนต์เพียง 1.5 เมตรเท่านั้น
สอบถามนางเจียมจิตร ชำนาญบึงแก อยู่เลขที่112 ม.4 บ้านท่าโพธิ์ กล่าวว่า ชาวบ้านที่ทำกินอยู่ริมฝั่งลำน้ำพองได้รับความร้อนมาก หากว่ามีน้ำตามลำน้ำพองมามากจะทำให้ล้นเข้าไปท่วมพื้นที่การเกษตรได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกปีจะพังแต่ไม่มากเพราะมีหน่วยงานนำดินเข้ามาเสริมให้ แต่ปีนี้คาดว่าคงไม่รอดหากน้ำมามากเพราะฝนดี ถ้าน้ำมาแรงไม่รอดแน่ ถ้าหากตรงนี้ขาดน้ำจะท่วมพื้นที่การเกษตรทันทีในพื้นที่ 3-4 ตำบล ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จะท่วมหนักเหมือนปี 2554 อยากให้ทางราชการทำพนังกั้นเสริมตลิ่งให้สามารถสัญจรได้เหมือนเดิม
ทางด้านนายประสิทธิ์ เผยว่า ในส่วนของท้องถิ่น คือองค์การบริหารส่วนตำบลท่ากระเสริม มีงบประมาณมาแก้ไขในเบื้องต้นอาจจะไม่มากตามศักยภาพของท้องถิ่น ได้ประสานไปยังกรมโยธิการผังเมืองออกมาดูพื้นที่จริง จะต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาท ต้องฝังเสาเข็ม ทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง แต่สาเหตุที่พื้นที่ห่างไกลจากชุมชนไม่มีความจำเป็น เพราะจะต้องแก้ไขก่อนคือบ้านเรือนของราษฎร์ วัดวาอาราม พื้นที่ทีมีประชาชนอาศัยอยู่ เมื่อตรวจสอบแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่กระทบต่อการอาศัยในชีวิตประจำวัน กระทบเพียงพื้นที่เศรษฐกิจ แต่ถ้าหากตรงนี้คันคูขาดจะได้รับความเสียหายกับการเกษตรหลายพันไร่ 3 ตำบลจะได้รับความกระทบ
จึงอยากวอนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทำเนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองศักยภาพสามารถแก้ไขได้ในบางเรื่อง ไม่สามารถดำเนินการได้ในงบประมาณหลาย ๆ ล้านได้ ฝากไปถึงรัฐบาลให้ลงมาดูแลเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนต่อไป