โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

รวบ 2 ผู้ต้องหา ร่วมแก๊งคอลฯ ปอยเปต อ้างเป็นผู้กำกับ โทรขู่เหยื่อโอนเงิน

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

ตร.ไซเบอร์ รวบ 2 ผู้ต้องหา ร่วมแก๊งคอลปอยเปต ตั้งฐานบนคาสิโนในเขมร อ้างเป็นผู้กำกับโทรขู่เหยื่อโอนเงิน เผยเคยโดนบังคับหลอกเหยื่อได้สูงสุดถึง 12 ล้านบาท

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 ก.ค. 68 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.กฤช กัญชนะ ผกก.2 บก.สอท.1 ร่วมแถลงปฏิบัติการรวบ 2 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งฐานบนคาสิโนในเขมร อ้างเป็นผู้กำกับ โทรขู่เหยื่อโอนเงิน

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สำหรับในคดีนี้เริ่มต้นจากเมื่อช่วงปี 2566 ตำรวจไซเบอร์ได้ทำการสืบสวนคดี Hybrid Scam ที่รับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ thaipoliceonline โดยเริ่มต้นจากมีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกติดต่อจากบุคคลใช้ภาพโปรไฟล์หน้าตาดีผ่านโซเชียล จากนั้นได้ชวนผู้เสียหายพูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมและชอบพอกัน

ต่อมาจึงหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่านำไปลงทุนคริปโตเคอเรนซี ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไป จำนวน 147 ครั้ง ไปยังบัญชีม้าจำนวน 79 บัญชี เกิดความเสียหายรวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องที่กระทำผิดในขบวนการจำนวน 76 ราย ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 46 ราย

จากกรณีดังกล่าว มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ เจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับกลุ่มดังกล่าว เป็นผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีผู้ร่วมขบวนการกว่า 100 คน โดยมีชาวจีนเป็นหัวหน้า มีฐานที่ตั้งอยู่ที่คาสิโนแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งขบวนการดังกล่าว ทำหน้าที่หลอกลวงคนไทยหลากหลายรูปแบบ อาทิ หลอกลวงเป็นหน่วยงานรัฐ แล้วโทรศัพท์ข่มขู่ให้เหยื่อโอนเงิน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเงินของเหยื่อไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในคดีอาญา, หลอกให้ผู้สนใจลงทุนโอนเงินลงทุนรูปแบบต่างๆ, หลอกลวงให้รักแล้วชักชวนลงทุน (Hybrid Scam) เป็นต้น

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ทางตำรวจไซเบอร์ ได้ขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับผู้ทำหน้าที่ต่างๆ รวม 44 ราย โดยแบ่งเป็น ผู้ทำหน้าที่ สาย 1 (ติดต่อผู้เสียหาย หลอกลวงตามบทที่ได้รับ) จำนวน 20 ราย (จับกุมได้แล้ว จำนวน 6 ราย) ทำหน้าที่ สาย 2 (สนทนาตอกย้ำ สร้างความมั่นใจให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแบบสนิทใจต่อจากสาย 1) จำนวน 11 ราย ติดตามจับกุมได้แล้ว 2 ราย

ทำหน้าที่สาย 3 (ปิดเกม สั่งผู้เสียหายให้โอนเงิน) โดยอ้างตัวเป็นหัวหน้าของหน่วยงานที่แอบอ้างสถานีตำรวจของร้อยเวรในสาย 2 จำนวน 7 ราย ติดตามจับกุมได้แล้ว จำนวน 2 ราย และผู้ที่ทำหน้าที่สนับสนุนด้านอื่นๆ เช่น การทำหนังสือราชการปลอม ทำหมายปลอม จัดหาซิมผี และจัดหาบัญชีม้า จำนวน 6 ราย ติดตามจับกุมแล้ว 2 ราย

ต่อมา พ.ต.ต.ชัยโชติ ศรีวรขาน พ.ต.ท.รุ่งเรือง แสนโคตร สว.กก.2 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 ราย ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ ดาษพินิจ อายุ 37 ปี ชาว จ.นครนายก ซึ่งทำหน้าที่ หัวหน้าสาย 2 บุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4743/2567 โดยติดตามจับกุมได้ที่ ซอยเชิงทะเล 14 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และนายวราเมธ สามารถกิจ อายุ 20 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ ทำหน้าที่หัวหน้าสาย 3 อ้างตัวเป็นผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรมุกดาหารบุคคลตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3677/2567 โดยติดตามจับกุมตัวได้ในพื้นที่ ต.ดอนเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

ในความผิดฐาน "ร่วมกันอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน"

จากการสอบสวน นายวราเมธ ผู้ต้องหาทำหน้าที่สาย 3 เบื้องต้นยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ตนเองได้ค่าตอบแทน 25,000 บาทต่อเดือน และค่าคอมมิชชั่นอีกร้อยละ 3.5 เปอร์เซ็นต์ แต่หากไม่เอาเงินเดือน จะได้ค่าคอมมิชชั่นร้อยละ 6.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเริ่มต้นจากเคยข้ามแดนอย่างถูกกฎหมาย ไปทำงานเป็นแอดมินของแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ในประเทศกัมพูชามาก่อน ต่อมาได้ถูกชักชวนผ่านเฟซบุ๊กให้ไปทำงานเป็นแอดมินขายของอีกครั้ง

โดยนายจ้างนัดหมายให้ไปพบที่คาสิโน เมื่อไปถึงกลับโดนยึดอุปกรณ์สื่อสาร และเอกสารประจำตัว แล้วโดนบังคับให้ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสายที่ 1 แต่ตนเองพูดไม่ได้ จึงได้ทำงานเป็นสาย 2 โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งความ ภายหลังจึงได้เลื่อนมาทำงานเป็นสายที่ 3 คอยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง เพื่อพูดจาข่มขู่หลอกลวงให้เหยื่อโอนเงิน ที่ผ่านมาเคยหลอกลวงเหยื่อให้โอนเงินได้มากสุดถึง 12 ล้านบาท ซึ่งขณะนั้นได้ค่าคอมตอบแทน 3.5 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ นายวราเมธ ยังให้การอ้างว่า ตนเองถูกหลอกลวงมาและโดนบังคับให้ทำงาน หากไม่ทำงาน จะโดนทำร้ายร่างกาย เนื่องจากเคยเห็นเพื่อนร่วมงานขัดคำสั่ง ถูกทำร้ายร่างกายในออฟฟิศของคาสิโนมาแล้ว ทำให้ต้องยอมทำงานหลอกลวงผู้อื่น

ส่วน นายสมศักดิ์ ผู้ต้องหารายสำคัญอีกรายที่ทำหน้าที่สายที่ 2 ให้การยอมรับว่าตนถูกหลอกลวงให้ไปทำงาน แล้วโดนบังคับเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเคยรับหน้าที่อ้างตัวเป็น "ร้อยตำรวจโทพีระ" สังกัด สภ.เมืองมุกดาหาร ในการหลอกเหยื่อ ต่อมาได้หลบหนีออกจากคาสิโน แล้วโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศกัมพูชาจับกุมตัวได้ ติดคุกอยู่ที่ประเทศกัมพูชา 14 วัน จึงถูกส่งกลับประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ตำรวจไซเบอร์อยู่ระหว่างการเร่งสืบสวนขยายผล และติดตามจับกุมผู้เกี่ยวข้องในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ในส่วนที่เหลือ มาดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ตำรวจจับกุม "ผู้ต้องหา" คดีฆ่า "นักเรียนนายร้อยตำรวจ" หลบหนีคดีนานกว่า 19 ปี

17 นาทีที่แล้ว

ดีเจเพชรจ้า เล่านาทีเจอสายตรงจาก กรรชัย ตื่นเต้นไปพบผู้ใหญ่ฝ่าย น้องเนปจูน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"เจ้าของร้านดังพัทยา" แจงดราม่าแต่งตัวเซ็กซี่ เป็นกลยุทธ์การตลาดให้ร้านอยู่รอด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ไทยขอเวียนหนังสือถึง UN ปัญหาชายแดนต้องเจรจาทวิภาคี โต้กลับกัมพูชาหลังขอจะไปศาลโลก

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

ตำรวจจับกุม "ผู้ต้องหา" คดีฆ่า "นักเรียนนายร้อยตำรวจ" หลบหนีคดีนานกว่า 19 ปี

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ด่วน! คนร้ายซุ่มยิง 'จนท.ตำรวจ' สภ.กรงปินัง เสียชีวิต หน้าร้านสะดวกซื้อในจ.ยะลา

MATICHON ONLINE

"พระนิทัศน์" ท้า หากเงิน-ทอง เจ้าอาวาสวัดม่วงหายจริง จะยอมสึกกลับบ้าน

Amarin TV

วงจรปิดวัดม่วงดูไม่ได้ ถูกกระดาษปิดไว้ พระนิทัศน์ แฉต่อ 'เจ้าอาวาส' เคยถูกจับคดีรับซื้อของโจร

MATICHON ONLINE

ไวยาวัจกรเครียด! เปิดปมสอบ เงิน-ทองเจ้าอาวาสวัดดังหาย 7 คนให้การไม่ตรงกัน

เดลินิวส์

ค้นโรงแรมที่หนุ่มจีนตกตึกดับ ตัวแทนโรงแรมยันไม่ใช่ฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ดับเครื่องชน! อดีตพระสนิทแฉยับ เจ้าอาวาสวัดม่วง ลั่น ‘เงิน-ทอง’ หายจริงยอมสึก

เดลินิวส์

อุกอาจ! คนร้ายขี่จยย.ประกบยิงชายไทยพุทธวัย 32 ปี เสียชีวิตคาถนน

Amarin TV

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...