The Velvet Sundown ชวนถกประเด็นป้ายกำกับ หลังเพลง AI ยอดสตรีมทะลุล้านบน Spotify
วงดนตรีนามว่า “The Velvet Sundown” มียอดสตรีมบน Spotify กว่า 1 ล้านครั้งต่อเดือน มองเผินๆ อาจคิดว่าเป็นเพียงวงน้องใหม่ที่มาแรง แต่ความจริงที่ถูกเปิดเผยภายหลังได้สร้างเสียงวิพากวิจารณ์จากอุตสาหกรรมเพลง เพราะวงนี้ “สร้างเพลงด้วยเครื่องมือเอไอ” และไม่ได้มีป้ายกำกับว่าเพลงถูกสร้างด้วยปัญญาประดิษฐ์
The Velvet Sundown ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน ไม่มีสมาชิกคนใดมีตัวตนจริง ไม่ว่าจะเป็นนักร้อง เกเบรียล ฟาร์โรว์ (Gabe Farrow), มือกีตาร์ เลนนี เวสต์ (Lennie West), มือคีย์บอร์ด ไมโล เรนส์ (Milo Rains) หรือมือกลองอย่าง โอไรออน ริโอ เดล มาร์ (Orion Rio Del Mar) ทั้งภาพถ่าย อัลบั้ม เพลง และเรื่องราวเบื้องหลัง ล้วนผลิตโดยเอไอผสมความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์
วงดนตรีได้อธิบายตัวเองว่าเป็น “โปรเจ็กต์เพลงสังเคราะห์ที่มีการกำกับทิศทางอย่างสร้างสรรค์โดยมนุษย์” ซึ่งเดือนมิถุนายน 2025 วงได้เปิดตัว 2 อัลบั้ม ได้แก่ Floating on Echoes และ Dust and Silence ด้วยแนวเสียงที่ผสมผสานกลิ่นอายร็อกยุค 70 กับโครงสร้างอินดี้ยุคใหม่ เสียงฟังดูไพเราะจนยากจะแยกออกจากวงจริง
เพลง Dust on the Wind มียอดสตรีมสูงและถูกจัดเข้าเพลย์ลิสต์ดังใน Spotify อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อลองฟังอย่างพินิจ เนื้อเพลงกลับคลุมเครือ และมีเสียงร้องที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยในแต่ละเพลง สัญญาณบ่งชี้ว่าอาจเป็นเสียงที่สังเคราะห์โดยเอไอ
เมื่อไม่มีคอนเสิร์ต ไม่มีสัมภาษณ์ ไม่มีหลักฐานการแสดงสด (Live) และภาพเบื้องหลังล้วนดูแปลกตา ผู้ฟังจึงเริ่มสงสัย จนพบว่า ในแพลตฟอร์ม Deezer มีการเตือนว่าเพลงของวงอาจถูกสร้างโดยเอไอ กระแสวิจารณ์จึงเริ่มก่อตัว หลายฝ่ายตั้งคำถามว่านี่เป็นเพียงวงดนตรี หรือแค่ “ผี” ในระบบอัลกอริทึมที่สร้างเพื่อปั๊มยอดสตรีม
ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีบุคคลใช้ชื่อว่า แอนดรูว์ เฟรลอน (Andrew Frelon) ซึ่งต่อมาก็ยอมรับว่าไม่ใช่ชื่อจริงของเขา ออกมาอ้างว่าเป็นโฆษกของวง และให้สัมภาษณ์ว่า “วงนี้สร้างจาก Suno AI” และเรียกมันว่า “Art Hoax” หรือศิลปะลวงโลก เพื่อท้าทายวงการ
ท้ายที่สุด ในวันที่ 5 กรกฎาคม บัญชีอย่างเป็นทางการของวงยืนยันว่า The Velvet Sundown เป็นโปรเจ็กต์ดนตรีสังเคราะห์ (synthetic music project) ที่ใช้เอไอสร้างเสียง ภาพ และตัวตน โดยมีมนุษย์ควบคุมกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมด พร้อมระบุว่าวงนี้อยู่ระหว่าง “คน” กับ “เครื่องจักร” ไม่ใช่ทั้งสองอย่างอย่างสมบูรณ์
แม้ผู้ฟังบางคนไม่แปลกใจที่วงเป็นของปลอม แต่หลายฝ่ายกลับกังวล โดยเฉพาะในแวดวงศิลปิน นักแต่งเพลง เอ็ด นิวตัน-เร็กซ์ (Ed Newton-Rex) เตือนว่า นี่คือสิ่งที่ศิลปินกลัวที่สุด มันคือการถูกแย่งพื้นที่และรายได้จากผลงานที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์
องค์กรดนตรีอังกฤษเรียกร้องให้มีกฎหมายกำกับ AI ในเพลง
บุคคลในวงการดนตรีหลายรายให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า ขณะนี้ไม่มีข้อบังคับทางกฎหมายใดๆ ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มอย่าง Spotify ต้องเปิดเผยว่าเพลงใดเป็นผลงานที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งหมายความว่าผู้ฟังจำนวนมากอาจไม่รู้เลยว่าเพลงที่ฟังอยู่นั้นไม่ได้แต่งโดยมนุษย์ แต่เกิดจากอัลกอริทึม
โรแบร์โต เนรี (Roberto Neri) ซีอีโอของ Ivors Academy สมาคมนักแต่งเพลงในอังกฤษ วิจารณ์กรณีของ The Velvet Sundown ว่า กรณีนี้ชี้ให้เห็นปัญหาร้ายแรง 3 ด้าน ที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมดนตรี ได้แก่
- ความโปร่งใส – ผู้ฟังไม่สามารถรู้ได้ว่าเพลงที่กำลังฟังถูกสร้างขึ้นโดยเอไอหรือไม่
- การเป็นเจ้าของผลงาน – ใครคือเจ้าของลิขสิทธิ์ของผลงานที่สร้างโดยเอไอ? เป็นศิลปินที่ไม่มีตัวตน หรือบริษัทที่สร้างโมเดลเอไอขึ้นมา?
- ความยินยอม – หากเอไอถูกฝึกด้วยข้อมูลจากศิลปินคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นอาจเป็นการละเมิดสิทธิของศิลปินเดิมอย่างชัดเจน
เนรี เสริมว่า หาก “ใช้อย่างมีจริยธรรม” เอไอมีศักยภาพเสริมการแต่งเพลง แต่ในขณะเดียวกัน เขายังมีความกังวลอย่างมากต่อแนวโน้มปัจจุบัน เพราะกระบวนการสร้างสรรค์เพลงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายที่ชัดเจน คุ้มครองสิทธิของผู้สร้าง ทั้งในแง่ การให้ความยินยอม ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม และการติดป้ายระบุแหล่งที่มาของเพลงอย่างโปร่งใส
เขาเตือนด้วยว่า หากขาดมาตรการป้องกันเหล่านี้ วงการเพลงอาจเดินซ้ำรอยกับแพลตฟอร์มสตรีมมิง ที่สุดท้ายบริษัทยักษ์ใหญ่ได้กำไร แต่คนทำเพลงกลับถูกละเลย
ด้าน โซฟี โจนส์ (Sophie Jones) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ British Phonographic Industry (BPI) แสดงจุดยืนสนับสนุนการติดป้ายกำกับอย่างชัดเจนบนผลงานที่สร้างด้วยเอไอ เพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ข้อมูลอย่างโปร่งใส
“เราเชื่อว่าเอไอควรเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่มัน” เธอกล่าว โดยเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีควรถูกใช้ในฐานะผู้สนับสนุน ไม่ใช่ผู้แทนที่ในอุตสาหกรรมดนตรี
ศิลปินอิสระเสี่ยงถูกดูดกลืนโดยอัลกอริทึม
ลิซ เพลลี (Liz Pelly) นักเขียนและนักวิจารณ์วัฒนธรรมดนตรี ระบุว่า ศิลปินรายย่อยตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เมื่อผลงานของพวกเขาถูกนำไปฝึกโมเดลเอไอโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนหรือการยอมรับ
เธออ้างถึงกรณีในปี 2023 ของเพลงที่อัปโหลดไปยัง TikTok, Spotify และ YouTube ซึ่งใช้เสียงร้องที่สร้างด้วยเอไอ อ้างว่าเป็นของ The Weeknd และ Drake โดย Universal Music Group ระบุว่าเพลงดังกล่าวเป็น “เนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ที่สร้างด้วยเอไอ” และถูกลบออกไม่นานหลังจากอัปโหลด
ขณะนี้สิ่งที่ยังไม่มีคำตอบ คือ เพลงของ The Velvet Sundown ใช้ฐานข้อมูลอะไรในการฝึกเอไอ หากคำตอบคือ “ศิลปินอิสระทั่วโลก” พวกเขาจะได้รับการชดเชยหรือไม่?
Deezer เริ่มวางระบบตรวจจับเพลงจาก AI
ออเรเลียน เอโรต์ (Aurélien Hérault) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายนวัตกรรมของ Deezer เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ใช้ซอฟต์แวร์ตรวจจับเพื่อระบุ และติดป้ายเพลงที่สร้างด้วยเอไอ โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้แพลตฟอร์มจำเป็นต้องมีความโปร่งใส และพยายามแจ้งผู้ใช้ให้ทราบ
“ผมคิดว่าเรากำลังอยู่ในช่วงของการปรับตัวเข้ากับเอไอ ซึ่งเราต้องให้ข้อมูลผู้ใช้ว่า เพลงนั้นสร้างด้วยเอไอหรือไม่” เอโรต์ กล่าว
Deezer ยังเปิดเผยว่า จากข้อมูลล่าสุด 7 ใน 10 ของการสตรีมเพลงเอไอบนแพลตฟอร์มเป็นการฉ้อโกง อาจสะท้อนถึงแนวโน้มได้ว่า หากเอไอถูกยอมรับมากขึ้น การติดป้ายนี้อาจหายไป เพราะหลายคนอาจเริ่มมองว่าเอไอเป็น “เครื่องดนตรี” ชนิดหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม Spotify ซึ่งยังไม่ติดป้ายแสดงว่าเพลงใดถูกสร้างด้วยเอไอเคยถูกวิจารณ์มาแล้วจากกรณีที่ใส่เพลงของ “ศิลปินผี (ghost artists)” ศิลปินปลอมที่สร้างเพลงลักษณะสต็อกลงในเพลย์ลิสต์บางรายการ
ด้านโฆษกของ Spotify อธิบายว่า บริษัทไม่ได้แยกปฏิบัติหรือจัดการพิเศษกับเพลงที่สร้างด้วยเอไอ เพราะมองว่า ไม่ว่าจะเป็นเพลงจากมนุษย์หรือจากเอไอ ถ้ามี “บุคคลที่สาม” ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องเป็นผู้สร้างและอัปโหลด เพลงเหล่านั้นก็สามารถอยู่บนแพลตฟอร์มได้เหมือนกันหมด ซึ่งมีสิทธิ์เผยแพร่ถูกต้องตามกฎหมาย
อ้างอิง: The Guardian, Bell & Field Music, Euro News