วิทยาลัยพยาบาลสุรินทร์โต้สื่อกัมพูชาบิดเบือนข่าว ทำสองนักศึกษาเขมรเดือดร้อน
สื่อมวลชนกัมพูชาเขียนข่าวบิดเบือน ทำสองนักศึกษาชาวกัมพูชาของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ต้องเดือดร้อน ส่งข้อความขอโทษหลังกลับประเทศ ยืนยันดูแลอย่างดีไม่มีขัดแย้ง ไม่มีแบ่งแยก และไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลนักข่าวใดๆ
วันนี้ (1 ส.ค.) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ โพสต์ข้อความระบุว่า "ข้อชี้แจงจากนักศึกษา ข้อมูลที่บิดเบือนไม่ได้มาจากนักศึกษา วพบ.สุรินทร์
นักศึกษากัมพูชาทั้งสองคนมีความประสงค์ขอแจ้งผู้อำนวยการ คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพี่ๆ น้องๆ ชาวไทยว่า พวกเราได้รับการดูแลตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาและไม่ขัดแย้ง หรือลำเอียง แบ่งแยก ชาติพันธุ์ ฯลฯ และ ณ เวลานี้นักศึกษาถึงประเทศอย่างปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ข้าพเจ้าทั้งสองคนรู้สึกเสียใจในข่าวที่บิดเบือน ทำให้ทางวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ ไปในทางที่เสียหายดังข่าวที่เขียนเกินเหตุ
ข้าพเจ้าจึงขอชี้แจงข้อเท็จจริง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อำนวยการ คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพี่ๆ น้องๆ จะเข้าใจข้อเท็จจริงของข้าพเจ้า"
***ผมรู้สึกเสียใจที่ทำให้มีผลกระทบต่อวิทยาลัย และสถาบัน ผมขออนุญาตชี้แจงตรงนี้ว่า ผมกับเพื่อนไม่เคยให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลแก่นักข่าวใดๆ***
พร้อมกันนี้ ยังเผยแพร่ข้อความที่นักศึกษาส่งถึงอาจารย์วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ รายแรก นายติจสรุน สิน สัญชาติกัมพูชา ส่งข้อความระบุว่า "สวัสดีครับอาจารย์ ผมชื่อนายติจสรุน สิน และ นางสาวโสคุน คึม นักศึกษากัมพูชารุ่นที่ 38 หลังจากได้เห็นข่าวเกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลของประเทศกัมพูชา ผมรู้สึกเสียใจ ที่ทำให้มีผลกระทบต่อวิทยาลัยและสถาบัน ผมขออนุญาตชี้แจงตรงนี้ว่าผมกับเพื่อนไม่เคยให้สัมภาษณ์ หรือให้ข้อมูลแก่นักข่าวใดๆ เนื้อหาที่นักเขียนข่าวเขียนมาจากแชตในกลุ่มนักศึกษากัมพูชาที่ศึกษาอยู่ในประเทศไทย ผมและเพื่อนไม่ทราบว่าแชตนี้หลุดไปได้ยังไงจนถึงเห็น Post ชี้แจงของวิทยาลัยในวันนี้ครับ"
อีกรายหนึ่ง คือผู้ที่ใช้นามว่า เฮง มารินา (Heng Marina) โพสต์ข้อความระบุว่า "สวัสดีค่ะอาจารย์แม่ อาจารย์แม่สบายดีไหมคะ พอดีว่าหนูเพิ่งได้เห็นข่าวทางกัมพูชาที่เขาออกมาโพสต์แล้ว ซึ่งมันเกินความจริง หนูไม่ได้เห็นด้วยเลยค่ะกับข่าวที่ออกมา ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาอาจารย์แม่รวมถึงอาจารย์ทุกๆ ท่านและพี่ๆ ในวิทยาลัยได้ดูแลพวกหนูมาอย่างดีมาก หนูไม่เคยลืม หนูรักและเคารพอาจารย์แม่ อาจารย์ทุกๆ ท่าน และพี่ๆ ในวิทยาลัยเหมือนเดิมนะคะ หนูรู้สึกเสียใจที่สำนักข่าวเอาไปลงแบบผิดๆ หนูต้องกราบขอโทษอาจารย์แม่ คณะอาจารย์ทุกๆ ท่านและพี่ๆ ทุกคนในวิทยาลัยด้วยนะคะ"
ก่อนหน้านี้ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี จ.สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการให้ข่าวที่บิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง ระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ของกัมพูชา ว่า “มีนักศึกษารายหนึ่งจาก Boromajchoni Nursing school เผยว่า โรงเรียนยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ทั้งหมดของฉัน ทำให้ฉันไม่สามารถติดต่อใครได้ โรงเรียนบอกให้เลือกตัวเลือกอื่น คือ กลับกัมพูชาและสละทุนการศึกษา” และ “นักศึกษาคนอื่นแชร์ว่าพวกเขาไม่รู้สึกมีสมาธิในการเรียน และถึงขั้นขาดอาหาร เพราะถูกยึดข้าวของและไม่มีวิธีติดต่อกับใครเลย”
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุรินทร์ คณะพยาบาลศาสตร์ สถาบันพระบรมราชชนก ขอเรียนว่า วิทยาลัยมีนักศึกษาเข้าศึกษาในวิทยาลัย 2 คน ตามโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาตามพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทั้งนี้ วิทยาลัยได้ดูแลสิทธิและสวัสดิการรวมทั้งความปลอดภัยของนักศึกษากัมพูชาเป็นอย่างดี
อนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในการดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องมือสื่อสารของนักศึกษานั้น วิทยาลัยดำเนินการตามมาตรการความมั่นคงในพื้นที่ของ จ.สุรินทร์ จากการประชุมความมั่นคงใน จ.สุรินทร์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นประธาน เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2568 มีข้อสั่งการในที่ประชุมว่า
ให้สถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษากัมพูชาจำกัดขอบเขตการสื่อสารของนักศึกษากัมพูชาในพื้นที่ จ.สุรินทร์ โดยให้มีการสื่อสารเป็นช่วงเวลาตามความจำเป็น และอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ วิทยาลัยได้ดำเนินการตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งได้พูดคุยสื่อสารและทำความเข้าใจกับนักศึกษาในเหตุผล และความจำเป็นภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ นักศึกษาสามารถสื่อสารกับครอบครัวได้ตามความต้องการ และวิทยาลัยได้รายงานให้ผู้ประสานงานโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาฯ ทราบ เพื่อสื่อสารและทำความเข้าใจกับครอบครัวนักศึกษาให้เข้าใจอีกทางหนึ่ง
สำหรับประเด็น “โรงเรียนบอกให้เลือกตัวเลือกอื่น คือ กลับกัมพูชาและสละทุนการศึกษา” วิทยาลัยขอเรียนว่า การตัดสินใจลาออกจากการเป็นนักศึกษาและเดินทางกลับประเทศกัมพูชาของนักศึกษานั้น อยู่ภายใต้การให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน และเป็นการตัดสินใจของนักศึกษาร่วมกับผู้ปกครอง วิทยาลัยไม่ได้มีการบีบบังคับนักศึกษาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ วิทยาลัยได้สื่อสารกับผู้ปกครองและนักศึกษาทางโทรศัพท์เกี่ยวกับระเบียบของสถาบันพระบรมราชชนก ผู้ปกครองรับทราบและยินยอมให้นักศึกษาลาออกและเดินทางกลับภูมิลำเนา
ทั้งนี้ วิทยาลัยได้ดำเนินการประสานงานกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีนักศึกษากัมพูชาศึกษาอยู่ใน จ.สุรินทร์ เพื่อวางแผนการเดินทางกลับประเทศของนักศึกษา
วิทยาลัยจัดรถส่งนักศึกษาจากวิทยาลัยไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ โดยนักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 1 ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นปี ได้จัดกิจกรรมส่งเพื่อนเพื่อร่วมเดินทางกับคณะนักศึกษาดังกล่าวอย่างอบอุ่น และขณะนี้นักศึกษาเดินทางกลับถึงภูมิลำเนาในประเทศกัมพูชาอย่างปลอดภัย
วิทยาลัยขอเรียนว่า ตลอดระยะเวลา 52 วัน ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน-วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 วิทยาลัยได้ดูแลนักศึกษากัมพูชาอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักความเอื้ออาทร หลักสิทธิมนุษยชนและคำนึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณตามโครงการพระราชทานความช่วยเหลือแก่ราชอาณาจักรกัมพูชาฯ อย่างแท้จริง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO