"สมชัย" เตือนนักการเมืองอย่าแค่ปากดี ต่อต้านรัฐประหารต้องทำจริงผ่านกลไกประชาธิปไตย
วันที่ 30 มิ.ย.68 สมชัย ศรีสุทธิยากร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า…
นอกจากปากที่กล่าวว่าต่อต้านรัฐประหาร นักการเมืองต้องช่วยกันใช้กลไกในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วย
ม็อบจุดติด กลายเป็นม็อบติดไฟที่โดนฝ่ายการเมืองทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน รุมประนามว่ากวักมือเรียกรัฐประหารจากคำอภิปรายบนเวทีของสนธิ ลิ้มทองกุล
การยืนหยัดในหลักการไม่เอารัฐประหารเป็นสิ่งที่ต้องชื่นชม เพราะ 9 ปีหลังรัฐประหาร ฝ่ายทหารที่ยึดอำนาจไม่ได้พิสูจน์ว่าเข้ามาแก้ไขปัญหา หนำซ้ำยังร่วมมือกับนักการเมืองที่ส่วนหนึ่งเป็นรัฐบาลในปัจจุบันทำให้ประเทศหยุดนิ่งและถอยหลัง
แต่นักการเมืองที่ปากประนามรัฐประหาร ต้องเชื่อมั่น ศรัทธา และทุ่มเทใช้กลไกทุกอย่างในระบอบประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
1. เมื่อเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ว่ามีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ กรณีใช้ตั๋วสัญญา PN แบบไม่ระบุวันคืน ไม่มีดอกเบี้ยกับคนในครอบครัวเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีมากกว่า 200 ล้านบาท แม้ลงมติแพ้ในสภา ก็สมควรใช้กลไก ยื่น ปปช. หรือ ศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยต่อว่า นายกขาดคุณสมบัติเรื่องความซื่อสัตย์หรือไม่ แต่ ท่าน (พรรคประชาชน)ไม่ทำ
2. เมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง แพทองธารกับฮุนเซ็น มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้นำประเทศ เช่น การว่าร้ายแม่ทัพภาค 2 การเสนอว่าอีกฝ่ายอยากได้อะไรให้บอก เมื่อผิดพลาดควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่ท่าน (แพทองธาร) ไม่ทำ
3. เมื่อจะจัดตั้ง ครม.ชุดใหม่ หลังจากพรรคภูมิใจไทย ถอนตัว โดยมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ท่านมีโอกาสถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่ท่าน (พรรคร่วมรัฐบาล) ไม่ทำ
4. เมื่อพรรคภูมิใจไทย พยายามใช้ช่องทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา แต่เสียงไม่พอเพราะต้องมีเสียง สส. ลงชื่อ 99 เสียง แต่ท่าน (พรรคประชาชน) ไม่ทำ โดยอ้างว่า ไม่ควรทำพร่ำเพรื่อ
5. ไม่อยากให้ประชาชนเขาลงถนน เกรงว่าจะเป็นการกวักมือเรียกทหารมายึดอำนาจ ฝ่ายการเมืองต้องแสดงให้เห็นว่า ท่านใช้กลไกทางการเมืองอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ซูเอี๋ย หรือแผ่นเสียงตกร่องว่าให้ยุบสภาอย่างเดียว หรือ จะให้เชื่อว่าปฏิญญาฮ่องกงมีจริง