โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“This is getting childish.”

ไทยโพสต์

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วันที่เขียนคอลัมน์นี้ เป็นวันที่ ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเปิดโปง ความสัมพันธ์ ระหว่างเขากับ คุณทักษิณ ชินวัตร

เราถึงจุดนี้ได้อย่างไรครับ? มาถึงจุดที่ต้องรอฟัง คนอย่างนี้ มาเปิดความ “จริง” ให้พวกเราได้รับรู้กัน รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องราวและวิธีการแฉ มันไร้สาระ และเลอะเทอะ…..แต่ให้ตายเถอะครับ คนรอฟังทั้งประเทศ!!!!

รู้ทั้งรู้ว่า ทุกสิ่งอย่างที่เขาพูดนั้น มันพิสูจน์อะไรไม่ได้ เพราะเป็นการพูดคุยระหว่าง 2 คน หรือ 2 ฝ่าย ไม่น่าจะมีหลักฐานอะไร อย่างเป็นทางการ

ทุกอย่างที่พูด เป็นการเปิดโปง ความในใจของตัวเอง จากการสนทนากับเพื่อนรัก แต่บังเอิญ เป็นสิ่งที่คน ( ไทย) ชอบ

สมมติฐานว่า เป็นการแถลง อย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานรัฐ มีเอกสารยืนยัน อ้างอิง และพาดพิงครบ ทุกอย่างเชื่อถือได้ ทุกอย่างยืนยันได้ นึกภาพไหมว่า ฝ่ายใดออกมาแถลงอย่างเป็นทางการ ดูสุขุม ดูเป็นทางการ ออกมาแถลงในทำนองเดียวกัน แต่แถลง เหมาะสมกับระดับประเทศนั้น ผมถามว่าคนจะสนใจมั้ย?

คงไม่สนใจเท่านี้

เชื่อเถอะครับ ทุกคนจะเอาประเด็น ที่ประธานวุฒิสภา เปิดเผย มาเม้ามอยต่อ เพราะมันสนุก และสะใจดี ผมเองก็คงไม่ต่างครับ ผมมีเพียง 3 คำ ที่จะสรุป เรื่องนี้ ยิ่งเฉพาะตัวละครในเรื่องนี้…สมน้ำหน้า

ฝ่ายคุณอวดนักอวดหนา มาโดยตลอดว่า “เป็นเพื่อนสนิทกัน” ถ้ามีปัญหาอะไรกับ 2 ประเทศ “ผมยกหูคุยได้” ในช่วงที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายก และมีปัญหาเขาพระวิหาร พวกคุณเคยบอกไม่ใช่หรือว่า “อภิสิทธิ์ ขาดวุฒิภาวะ ขาดความชอบธรรม ไม่มีบารมีพอ คุยกับ กัมพูชาได้หรอก ถ้าเป็นยุคผม ปัญหานี้ไม่เกิดขึ้นแน่” ใช่ครับ ปัญหาที่เกิดในยุคคุณอภิสิทธิ์ ไม่เกิดแน่ เพราะเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ มันแย่กว่า และวิธีการจัดการของพวกคุณ…ทุเรศ

ที่ผมสมน้ำหน้าเพราะ คุณชอบอวดหนักอวดหนาว่า “ถ้าเป็นผม ผมจะแก้ปัญหาดีกว่านี้…..บลา บลา บลา” “ผมคุยกับพม่า แนะวิธีแก้ปัญหาของเขา….บลา บลา บลา” “ผมต้องคุยกับ ประธานาธิบดีทรัมป์….บลา บลา บลา” ขอถามหน่อยครับ คนๆนั้นหายไปไหน? องค์ไม่ลงแล้วเหรอ?

หลังประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเปิดโปงวันนี้ ผมเห็นข่าวในโลกโซเชียล และเข้าไปดู Comment เล่นๆ ครึ่งหนึงด่า คุณทักษิณ ครึ่งหนึ่งด่า กัมพูชา แต่มีอยู่ Comment หนึ่งกินใจผมมาก และสรุปความรู้สึก สถานการณ์นี้ได้ดีคือ…”This is getting childish.”

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง การกระทำ และการวางตัวของอดีตผู้นำทั้ง 2 ท่าน มันน่าอายมาก มันไม่เหมาะกับ วุฒิภาวะผู้นำประเทศ ต่างคนต่างดึง อีกคนลงกว่าเดิม เขาถึงเป็นเพื่อนกันได้

ขอออกจากเรื่องนี้เล่าเรื่อง ส่วนตัวสักนิดหนึ่งครับ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของผมเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องอยู่ที่ว่า ระหว่างทานข้าวเที่ยง ในโรงอาหารที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นการทานอาหารเที่ยงกับเพื่อนๆ เหมือนทุกวัน กินไปหัวเราะไป ตามประสาเด็กอายุ 10 ขวบ

ระหว่างนั่งอยู่ มีเด็ก ป 1 เดินผ่าน และคงจะชอบใจกับที่คาดผมของลูกสาว ซึ่งไม่ได้เป็นที่คาดผม หวือหวาอะไร แปลกพิสดารอย่างไร หรือวิเศษวิโส กว่าอันปกติ เป็นที่คาดผมเรียบๆ สีพื้นๆ (สีม่วงอ่อน) ธรรมดาๆ แต่อยู่ๆเด็ก ป 1 คนนี้ คงจะถูกใจมาก เลยพยายามคว้าหยิบเป็นของตัวเองให้ได้ พอกระชากที่คาดผม ออกจากหัวลูก ทำให้เส้นผมลูก ติดไปด้วยเป็นกำ เลยทำให้คนทั้งโต๊ะตกใจ

ระหว่างนั้น เด็ก คนนี้ เดินหลบไป โดยที่คุณครูของเด็กคนนี้ ขอโทษลูกสาวแทน

ลูกบอกว่าเขาไม่ได้ร้องไห้ แต่เพื่อนเขาบอกว่าเขาตาแดง ลูกบ่นว่าแสบศีรษะ เพราะเห็นเส้นผมเป็นก้อน ตกอยู่บนพื้น ครูของลูก ไลน์บอกแฟนผม แฟนผมโทรหาผม ยอมรับว่า วินาทีแรกที่รู้ว่า ลูกผมโดนอะไร ผมของขึ้นและโมโห เพราะผมคิดว่าลูกโดนบูลลี่ ผมคิดอย่างเดียวว่า “แค้นนี้ต้องชำระ!!!!”

แต่แฟนผมรีบเล่าว่าเด็ก ป 1 ที่ว่านั้นเป็นเด็กพิเศษ ผมเลยไม่รู้จะรู้รู้สึกอย่างไร

ใจหนึ่งก็โกรธ เพราะลูกผมเจ็บ ผมพร้อมจะลงไม้ลงมือ คนที่ทำลูกผมเจ็บ แต่อีกใจหนึ่งก็ เห็นใจเด็กคนนั้น ผมได้แต่รอเวลารับลูก แล้วถามความรู้สึกเขา ลูกบอกว่า เขาตกใจเพราะเหตุเกิดเร็วมาก ไม่ทันตั้งตัวอะไร ผมถามต่อ ว่าเขารู้สึกเสียใจหรือกลัวไหม เขาตอบว่าไม่ ตกใจมากกว่า ผมถามว่าเขาโกรธเด็กคนนั้นใหม เขาบอกไม่โกรธ เพราะไม่รู้จักด้วยซ้ำ

ผมก็เห็นใจลูก ลึกๆเขาอาจเสียขวัญกำลังใจ และผมไม่อยากให้เขาต้องนั่งระแวง มองซ้ายขวาทุกครั้ง ที่ต้องอยู่โรงเรียน ก็เลย นั่งคุยกันไปเรื่อยๆเรื่องนี้

เมื่อถึงบ้าน ผมลองเสนอลูกว่า “พรุ่งนี้ พ่อว่า ลูกเอาที่คาดผมอันนี้ ไปให้น้องคนนั้นดีไหม? เพราะเขาคงชอบ” ลูกเห็นด้วยทันที และไม่ติดขัดอะไร ซึ่งผมก็ถามซ้ำอีกว่า “อยากทำจริง หรือรู้สึกถูกบังคับ?” เขาบอกว่าไม่ได้รู้สึกถูกบังคับ เพราะเขาคิดอยากให้เหมือนกัน ผมเลยประสานกับครูของลูกและครูของเด็กคนนั้นว่า วันรุ่งขึ้น ลูกอยากมอบที่คาดผมให้น้อง

ปรากฏว่า น้องขอบคุณลูกผม และยกมือไหว้ขอโทษจากใจ พร้อมเข้าไปกอด ซึ่งทำให้ลูกผมเขิน

พอครูส่งรูปให้ดู ผมภูมิใจลูกมาก เพราะคืนก่อน ผมอธิบายให้เขาฟังว่า คำว่า “เด็กพิเศษ” ไม่ได้หมายความว่า เขาแตกต่างกับพวกเราโดยสิ้นเชิง เพียงแต่เขามีความต้องการ ที่อาจไม่เหมือนกัน และบางที มีความถนัดต่างกัน เขาอาจต้องการความช่วยเหลือ ในบางเรื่อง มากกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่ ลูกตั้งใจทำให้เขา พ่อว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเขาอาจไม่รู้ตัว เขาอาจรู้อย่างเดียวว่าเขาอยากได้ที่คาดผมของลูก โดยที่ไม่มีเหตุผลก็ได้ ถ้าลูกมอบให้เขา พร้อมรอยยิ้มกับมิตรภาพนั้น ลูกมีจิตใจที่ดี

แต่อย่าเพิ่งเข้าใจว่าลูกผมเป็นนางฟ้านะครับ บังเอิญที่คาดผมนั้น ไม่ได้เป็นอันที่เขารักและหวงขนาดนั้น เขาก็เลยเป็นนางเอกได้ง่ายขึ้น (แซวลูกเฉยเลย)

พอเห็นภาพที่น้องเข้าไปกอดลูก ผมซาบซึ้งตรับ คิดดูครับ เด็กอายุ 10 ขวบ ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ดีกว่า อดีตผู้นำ 2 คนที่ทะเลาะกันเหมือนเด็ก ผมไม่รู้จะพูดยังไงครับ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘ต่อ ธนภพ’ เผยเหมือนคนอกหัก กับมรสุมชีวิตที่ต้องยืนคนเดียว

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ตั๊กแตน ชลดา’ รณรงค์งดสูบเพื่อสุขภาพที่ดี

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดำดิ่งสู่ด้านมืดของความรัก กับซิงเกิลใหม่จาก ‘เจฟ ซาเตอร์’

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘บอย ปกรณ์’ พาทีมช้างเพื่อนซี้ ปะทะแข้งกับนักข่าวบันเทิง

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม