รัฐบาลปรับแนวทางแถลงผลงาน เน้นสื่อสารประชาชนรู้จริง

เมื่อเวลา 11.25 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแถลงผลงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.วัฒนธรรม ว่า ปกติเราจะพยายามรวบรวมผลงานต่าง ๆ ซึ่งครั้งนี้มีคณะกรรมการได้มารายงาน เรียกได้ว่าต้องสื่อสารสิ่งที่สำคัญให้กับประชาชน เช่น การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การปราบปรามยาเสพติด และการจัดการอาชญากรรมต่าง ๆ รวมถึงการจัดการบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญกับประชาชนโดยตรง รวมถึงมีการเสนอในเรื่องของด้านที่เป็นความหวัง ย้ำว่าเราทำงานเยอะ แต่อาจจะยังอธิบายได้ไม่เยอะ ซึ่งยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของเรา บางครั้งเราใช้กลไกที่เป็นปกติแบบราชการ แต่สิ่งที่เราต้องสื่อสารคือสิ่งที่ประชาชนอยากได้ยิน โดยวันนี้ที่มีการหารือกันได้มีการกำหนดว่าจะเป็นทุกปีของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกำหนดวันแถลงผลงานแล้วหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เรามีแผนตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ต้องประชุมทุก 3 เดือน และรายงานให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ ส่วนจะมีการปรับให้มีการนำเอไอ มาใช้งานเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ตนถือเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญ โดยมี 2 ด้าน คือ ด้านที่เป็นความหวัง โดยคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อพัฒนาประเทศไทย ที่จัดตั้งขึ้นมีการระดมเอาผู้ที่เชี่ยวชาญ ตลอดจนติดต่อกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทำอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งมีการเตรียมการจะทำในเร็ววันนี้ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะผนึกกำลังกันร่วมกับภาคเอกชน และจะมีตัวแทนจากภาคเอกชนมาพูดคุยกับตนในวันที่ 15 ก.ค.นี้ เพื่อหารือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์กับประชาชน และเป็นประโยชน์ต่อการทำมาหากิน หรือเป็นโอกาสใหม่อย่างไรบ้าง

เมื่อถามว่ารูปแบบการนำเสนอผลงานของรัฐบาลในครั้งนี้มีการวางแบบแผนอย่างไรให้ประชาชนเข้าถึง นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า แนวทางใหญ่คือการปรับวิธีการสื่อสารที่ประชาชนอยากได้ยิน สิ่งที่สำคัญที่มีผลงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คือ ผลงานการจัดการสิ่งที่เป็นทุกข์ของประชาชน ซึ่งงานสร้างมันยากต้องใช้เวลา แต่ปัจจุบันนี้ถึงเวลาแล้ว โดยเฉพาะรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มั่นใจว่าเดือนตุลาคม 2568 จะทำได้ โดยกว่าแต่ละเรื่องจะออกมาได้มันมีกระบวนการกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่เป็นผลงาน อีกทั้งในเรื่องของโครงการคุณสู้เราช่วย ที่เป็นการแก้หนี้สินของประชาชน ได้มีผลงานและได้มีการขยายผลงานต่อ และหลังจากนี้จะมีการสื่อสารอย่างชัดเจนว่าเราทำแล้ว ทำต่อ ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าประชาชนจะเป็นสุข

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. … หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ได้หยุดพักไว้ จะต้องทำความเข้าใจให้ประชาชนหรือไม่ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า การสื่อสารเรื่องนี้เรายังดำเนินการต่อ โดยสื่อสารกับประชาชนให้รู้ว่าเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ใช่กาสิโนอย่างที่หลายคนกล่าวหา แต่เป็นการสร้างรายได้โดยการระดมทุนจากต่างประเทศมาสร้างงาน สร้างรายได้ ย้ำว่าจะไม่หยุด จะสื่อสารกับประชาชนต่อไป และนี่คือแผนการต่าง ๆ ที่เราได้ดำเนินการต่อ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวของโฆษกรัฐบาลที่จะมีการเปลี่ยนตัวเป็นนายจักรภพ เพ็ญแข นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ถ้าเป็นทางการเมื่อไหร่ ก็จะมีการประกาศออกมา

ส่วนเรื่องคำชี้แจงของนายกฯ ที่จะต้องชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน แต่ขณะนี้ได้มีการยืดระยะเวลาออกไปนั้น นพ.พรหมินนทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังเตรียมการอยู่ หากทำไม่ทันก็ต้องมีการขอยืดเวลา ส่วนจะให้ นายวิษณุ เครืองาม หัวหน้าทีมกฎหมายรัฐบาล มาช่วยหรือไม่นั้น ตนคิดว่าข้อเท็จจริงต้องมาก่อน และที่ปรึกษากฎหมายทุกคนที่มีข้อคิดเห็น ข้อแนะนำดี ๆ เราก็รับฟัง

เมื่อถามต่อว่าทีมกฎหมายมีทั้งฝั่งส่วนตัวและฝั่งรัฐบาล และมีกี่ชุดนั้น นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ก็มีแต่ชุดของนายกฯ จะมาจากทางไหนก็แล้วแต่

ส่วนจะใช้ข้อใดสู้ในเรื่องข้อกล่าวหานี้ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ความเป็นจริงเจตนาที่รักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ ซึ่งตนอยากให้สื่อสารกันอย่างชัดเจน และแม้แต่กระบวนการที่ทำผ่านมา เราถูกเขาใช้ประโยชน์จากวิธีการต่าง ๆ เช่น กรณีการปล่อยคลิปเสียงสนทนาออกมาเผยแพร่ แม้เราจะไปฟังเนื้อหา แต่เจตนาเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติด้วยวิธีที่เราต้องการจะสื่อสารกับบุคคลที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของรัฐบาลด้วยซ้ำ

เมื่อถามต่อว่าเจตนาที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้มีการระบุว่าเป็นเจตนาที่บริสุทธ์ และเป็นการโทรเข้ามาเพื่อให้มีการคุยคนเดียว น้ำหนักในเรื่องนี้จะถือเป็นการชี้แจงได้หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งวันนั้นนายกฯ ถูกติดต่อมา เพราะได้มีการเลื่อนนัดมา 2-3 ครั้ง ซึ่งนายกฯ ไม่สบายใจที่จะต้องคุยและได้ติดต่อตนมา ซึ่งตนได้เชิญ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ในขณะนั้นเข้าไปด้วยเพื่อรอให้มีการติดต่อเจรจา นายฮวด ซึ่งเป็นล่ามแปลภาษา บอกว่าเขาจบไม่ได้ จะต้องมีการหารือ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ก่อน หลังจากนั้นก็ได้มีการต่อสายนายฮุน เซน ซึ่งได้มีการถ่ายภาพของนายฮุน เซน ที่นอนอยู่ส่งมา โดยเราบอกว่าให้ไปปลุก เพราะเรื่องที่จะพูดคุยเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทำตาม อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือ นายฮุน เซน ไม่ได้เป็นตัวแทนรัฐบาล

เมื่อถามย้ำว่าสิ่งที่นายทักษิณ พูดบนเวทีในเรื่องของการเจรจา ที่ไม่ได้มีการเจรจากับทางผู้นำของฝั่งกัมพูชา ส่วนนี้จะเป็นแนวทางในการชี้แจงกับศาลหรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เราเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดและจะเห็นเจตนา เพราะนายกฯ คำนึงถึงการคุยกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงกลาโหม หรือแม้กระทั่งการรับสายส่วนตัว ซึ่งเป็นการคุยนอกเวลา โดยหลังจากนั้นเราได้มีการกลับบ้านกันหมดแล้ว ก็ได้มีการต่อสายมาพูดคุยกัน เพราะปกติก็มีการพูดคุยกันอยู่ และการต่อสายในครั้งนั้นนายกฯ ไม่ได้รับปากอะไรเลย เพียงแต่บอกว่าจะไปหารือ และในตอนเช้าจะมาพูดคุยกัน ปรากฏว่าได้มีการปล่อยคลิปเสียงออกมา ในระหว่างที่เรามีการประชุมที่บ้านพิษณุโลก

เมื่อถามอีกว่า นพ.พรหมินทร์ และนายภูมิธรรม รวมถึงนายมาริษ จะไปเป็นพยานให้ได้ใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า แน่นอนที่สุด ถ้าหากมีความจำเป็นที่เราจะต้องยืนยัน เราก็จะอยู่ เชื่อว่าหลักฐานต่าง ๆ ครบ วันนั้นตนไปนั่งคุยกันและเตรียมตัวกันก่อน สำหรับเรายืนยันเจตนา และที่สำคัญคือหารือใกล้ชิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องของกองทัพ และไม่มีอะไรตามที่มีการกล่าวหา