เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์อดัม? ชาวเน็ตจับตาชีวิตรัก หลังมีข่าวลือนอกใจสะพัด

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้TikTok@ann_phookyom ได้ออกมาเผยแพร่ข่าวลือที่กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ เกี่ยวกับ “อาจารย์อดัม” หรือ อดัม แบรดชอว์ อาจารย์สอนภาษาอังกฤษชาวอเมริกันชื่อดัง ซึ่งเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้กับคนไทย โดย“อาจารย์อดัม” เคยแต่งงานกับแฟนสาวชาวไทยและมีลูกด้วยกัน แต่ล่าสุดกลับมีกระแสในโซเชียลตั้งข้อสงสัยว่าเขาอาจมีพฤติกรรมนอกใจหรือไม่ เรื่องนี้กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง แฟนคลับจำนวนไม่น้อยเริ่มจับตาความสัมพันธ์ของทั้งคู่

โดยเธอ เล่าว่า"มีคนสงสัยว่า “อาจารย์อดัม” ได้เล่นแอปพลิเคชันหาคู่หรือไม่ เนื่องจากใช้ชื่อของเขาโดยตรง แต่หลายคนสงสัยว่า อาจารย์อดัมแต่งงานแล้วนะ และดูเหมือนว่า “อาจารย์อดัม” พาภรรยาและลูกไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ต่อมา คุณภรรยาก็เข้ามาตอบในห้องที่เป็นคำถาม และบอกว่าเธอเป็นภรรยา แต่อยู่ในกระบวนการของการหย่า แล้วพูดประมาณว่าผู้ชายอยู่ต่างประเทศแล้วไม่ดูแล หรือให้สัญชาติ ประมาณว่าเธอเป็นคนต่างด้าว อีกทั้ง เหมือนมีคำถามหนึ่งถามว่า "มีผู้หญิงคนไหนเคยมีซัมติงกับอาจารย์คนดังกล่าวขณะคบหากับเธออยู่หรือไม่ ช่วยบอกข้อมูลหน่อยได้มั้ย" ซึ่งเธอก็บอกว่าอาจจะเป็นหลักฐานในการทำให้เธอหย่ากับอาจารย์คนนี้ได้ง่ายขึ้น"

จนกระทั่ง "อาจารย์คนดังกล่าวก็ได้ไปตอบคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กของเขา โดยมีคนหนึ่งไปอวยพรว่า "ขอให้มีความสุข" แต่อาจารย์ตอบกลับว่า "ภรรยาของเขามีแฟนใหม่แล้ว แต่ตนเองสถานะโสด" ต่อมา “อาจารย์อดัม” ได้ส่งข้อความมาหาเจ้าของโพสต์ พร้อมกับอธิบายว่า "ทีนี้ผมยอมรับว่าเคยนอกใจ และไม่ได้ภูมิใจกับเรื่องนี้หรอก แต่เราสองทะเลาะกันบ่อยมาก และเขาพูดกับผมประจำว่าเกลียดไม่รักแล้ว อยากหย่า คือ พูดแบบนี้เกือบทุกวัน และก็ยังพูดว่าเคยไปมีเซ็กซ์กับผู้ชายคนอื่นด้วย ผมฟังแบบนี้มาหลายปี เหมือนเราสองคนวางแผนจะหย่ากันเมื่อลูกโตกว่านี้ สุดท้ายมันไม่ไหวจริงๆ ก็เลยตัดสินใจจะฟ้องหย่า ตามที่เขาต้องการทั้งๆ ที่ลึกๆ แล้ว ผมไม่ได้อยากให้ครอบครัวแตกแยก แต่เราสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว"

อย่างไรก็ตาม"เหตุผลที่ “อาจารย์อดัม” ทักมาหาเธอ เป็นเพราะคลิปแรกที่เธอทำนั้น มีข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความจริง ซึ่งอาจารย์ไม่ต้องการยืดเยื้อ สุดท้ายเธอจึงออกมาชี้แจงในฝั่งของอาจารย์ พร้อมย้ำว่า “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” และรอการพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่างๆ"

ขอบคุณข้อมูล : TikTok@ann_phookyom
คลิกเพื่อชมวิดีโอ