บขส. ลุยล้างหนี้ 3 พันล้านภายใน 4 ปี หลังรื้อแผนธุรกิจ - ปรับรถใหม่
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานในงาน วันคล้ายวันสถาปนา บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ครบรอบปีที่ 95 พร้อมระบุว่า การดำเนินงานของ บขส.ในช่วง 2 ปีที่ตนเข้ามากำกับดูแลนั้น พบการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการบริการผู้โดยสารในช่วงเทศกาลต่างๆ ไม่มีประชาชนตกค้าง จึงขอให้ บขส.พัฒนาบริการให้ดีขึ้นต่อไป พร้อมทั้งวางแผนเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของระบบขนส่งทางรางรถไฟทางคู่ ที่กำลังจะทยอยเปิดให้บริการจำนวนมาก
โดยตนได้กำชับให้ บขส.ปรับตัวเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว พัฒนาเส้นทางเดินรถเพื่อเป็นฟีดเดอร์เสริมการเดินทาง รวมไปถึงมองโอกาสในการพัฒนาเส้นทางเดินรถไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นตัวเลือกให้แก่นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวกมากขึ้น อีกทั้ง บขส.จะต้องมองหาโอกาสสร้างรายได้ให้ยั่งยืน ไม่เพียงรายได้จากการเดินรถ แต่ต้องพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีขนส่ง และเน้นสร้างรายได้จากการขนส่งพัสดุที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่แผนพัฒนาบริการรถโดยสารนั้น ปัจจุบัน บขส. ได้เปิดประมูลและทำสัญญากับเอกชนในการเช่ารถโดยสารใหม่เข้ามาบริการแล้วจำนวน 311 คัน ซึ่งตามแผนจะทยอยรับมอบล็อตแรกในวันที่ 9 ก.ย.นี้ จำนวน 99 คัน และรับมอบครบทั้งหมดภายในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อทดแทนรถโดยสารเดิมที่มีอายุใช้งานประมาณ 10 – 20 ปี ซึ่งจะทำให้บริการของ บขส.มีความสะดวกสบาย ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า รถโดยสารที่ บขส.ทำสัญญามีจำนวนรวม 311 คัน มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีสัญญาเช่า 5 ปี ยี่ห้อ MAN (เอ็มเอเอ็น) เป็นรถโดยสารสัญชาติเยอรมัน ใช้เชื้อเพลิงดีเซล มีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ทันสมัย ใช้เกียร์ออโต้ ช่วยประหยัดพลังงานลดลง 20 -30% และได้มาตรฐานยูโร 5 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับรถโดยสารที่ได้รับการยอมรับด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับสัญญาเช่ารถโดยสารใหม่นั้น เป็นสัญญาเช่าที่ครอบคลุมรวมถึงการซ่อมบำรุง และเป็นลักษณะคิดค่าเช่ารูปแบบไม่วิ่งไม่จ่าย หรือจ่ายค่าเช่าตามการใช้งานจริง ซึ่งผลการศึกษาพบว่าจะช่วยให้ บขส.ประหยัดค่าดำเนินงานมากขึ้น เพราะไม่ต้องแบกรับค่าซ่อมบำรุงที่มีเฉลี่ยปีละกว่า 100 ล้านบาท อีกทั้งหากคำนวณค่าเช่ารวมค่าซ่อมบำรุง พบว่าเฉลี่ยอยู่ที่ไม่เกิน 5,000 บาทต่อคันต่อวัน
“การเช่ารถโดยสารในลักษณะนี้ทำให้ บขส.สามารถรู้ต้นทุนและกำไรที่เกิดขึ้นต่อวันได้ทันที และทำให้บริหารค่าใช้จ่ายได้ เพราะมีต้นทุนเดียวที่เกิดขึ้น คือ ต้นทุนพนักงานขับรถและบริการต่างๆ ซึ่งจากการคำนวณตัวเลขแล้ว บขส.เชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้องค์กรมีกำไรเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 300 – 400 ล้านบาท ปีหน้าจะทำกำไรเป็นปีแรก และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยหักลบหนี้สะสมที่มีอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทลดลงต่อเนื่อง”
นายอรรถวิท กล่าวด้วยว่า ปัจจุบัน บขส.มีหนี้สะสมอยู่ที่ราว 3,000 ล้านบาท จากแผนดำเนินงานที่ปรับเป็นการเช่ารถโดยสารทั้งหมด และการหารายได้นอกเหนือจากการเดินรถ ทั้งส่วนของการเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีขนส่ง และบริการขนส่งพัสดุ จะทำให้บขส.สามารถล้างหนี้สะสมที่มีอยู่ทั้งหมดได้ภายใน 4 ปีนับจากนี้
อย่างไรก็ดี นอกจากการปรับแผนเป็นการเช่ารถโดยสารเพื่อลดต้นทุนของ บขส.แล้ว ยังเตรียมนำรถโดยสารเดิมที่ให้บริการอยู่มาเปิดประมูลเพื่อจำหน่าย รวมทั้งจะปรับปรุงรถโดยสารบางส่วนเพื่อเสริมบริการในอนาคต สำหรับรถโดยสารที่ปัจจุบันให้บริการอยู่นั้น เป็นรถโดยสารที่เช่าจำนวน 165 คัน ซึ่ง บขส.จะทยอยส่งคืนตามสัญญาเช่า และจำนวนประมาณ 80 คันที่เป็นรถโดยสารของ บขส.จัดซื้อเอง ส่วนนี้จะแบ่งประเภทตามสภาพรถ เพื่อประเมินขายและปรับปรุงให้บริการ
รายงานข่าวจาก บขส. กล่าวว่า สัญญาเช่ารถโดยสารใหม่รวมจำนวน 311 คัน แบ่งส่งมอบ 4 งวด ประกอบด้วย
งวด 1 วันที่ 9 ก.ย.2568 จำนวน 99 คัน
งวด 2 วันที่ 9 ต.ค.2568 จำนวน 95 คัน
งวด 3 วันที่ 8 พ.ย.2568 จำนวน 76 คัน
งวด 4 วันที่ 8 ธ.ค.2568 จำนวน 41 คัน
โดยสัญญาเช่าดังกล่าวมีบริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด เป็นคู่สัญญา ระยะเวลาเช่า 5 ปี โดยวันเริ่มต้นของสัญญาเช่ารถ จะนับตั้งแต่วันส่งมอบรถ เช่น รับมอบงวด 1 จำนวน 99 คัน สัญญาเริ่มวันที่ 9 ก.ย.2568 และมีอายุสัญญา 5 ปีจนสิ้นสุดสัญญา
สำหรับรถโดยสาร 311 คัน แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 VIP (ม.1 ก) ขนาด 12 เมตร จำนวน 24 ที่นั่ง จำนวน 28 คัน
2.รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 พิเศษ (ม.1 พ) ขนาด 12 เมตร จำนวน 32 ที่นั่ง จำนวน 50 คัน
3.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 (ม.1 ข) ขนาด 12 เมตร จำนวน 36 ที่นั่ง จำนวน 233 คัน