แม้ว-อิ๊งค์ฝันพ้นบ่วง ประคองรัฐบาลปริ่มนํ้ารอด/ภท.ลุยเปิดซักฟอกม.152

ดินเนอร์พรรคร่วม รบ.คึกคัก! แกนนำตบเท้าพร้อมหน้า "อิ๊งค์” มั่นใจเสถียรภาพรัฐบาล ได้กลับมารับใช้ ปชช.อีกครั้ง "ทักษิณ" โผล่แจม ลั่นผมอยู่ทั้งคนได้นายกฯ อิ๊งค์แถมพ่อนายกฯ ขายฝันพรรคร่วมฯ หลังเลือกตั้งทีมนี้ยังอยู่ บอกเมื่อไม่ทิ้งกันแล้วก็ไม่ทิ้งกันตลอดไป แนะส่ง รมต.ดูแล สส.ระวังถูกตีท้ายครัว ไม่ลืมซัด "ภูมิใจไทย" ถอนตัวไม่เป็นสุภาพบุรุษ "เพื่อไทย" เคาะ "ฉลาด" นั่งรอง ปธ.สภาฯ คนที่ 2 "ฝ่ายค้าน" เหน็บต้องเอาผู้อาวุโสบั้นปลายชีวิตใช้บารมีสุดท้ายอุ้มพรรค พท. "อนุทิน" ยันไม่หวิวอดร่วมวงดินเนอร์ ขอลุยเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ "ภท." เล็งคุยพรรคฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติตาม ม.152 ปมรัฐบาลกับดีลภาษีทรัมป์

ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เวลา 15.00 น. พรรคเพื่อไทยจัดประชุม สส.ประจำสัปดาห์ ก่อนงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลที่พรรค พท.เป็นเจ้าภาพ โดยแกนนำพรรคทยอยเดินทางมาที่โรงแรม อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม, นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท., นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พท. โดยบรรดา สส.ทยอยเดินทางเข้าร่วมประชุมอย่างต่อเนื่อง

เวลา 16.00 น. น.ส.แพทองธารเดินทางเข้าร่วมประชุม มีนายภูมิธรรม นายสรวงศ์ และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน สส.พรรคเพื่อไทย เป็นประธานในที่ประชุม โดยที่ประชุมได้หารือถึงการเสนอรายชื่อ สส.พรรค พท.เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 แทนนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ที่ลาออกไป

มีรายงานว่า ที่ประชุม สส.อีสานได้แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง โดยเห็นตรงกันว่าควรเป็น สส.อีสานที่มีความอาวุโส ซึ่งมองกันแล้วมี 2 คนคือ นายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู และนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด จากนั้นที่ประชุมมีมติว่าจะเสนอชื่อนายฉลาดขึ้นเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 2 และจะมีการเสนอต่อที่ประชุมสภาฯ วันที่ 24 ก.ค.ต่อไป

กระทั่งเวลา 17.30 น. งานเลี้ยงกระชับความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลที่พรรค พท.เป็นเจ้าภาพเริ่มขึ้น ใช้ชื่องาน “Pheu Thai Party (พรรคเพื่อไทย) สามัคคีประเทศ ปกป้องอธิปไตย แก้ปัญหาเพื่อประชาชน" โดยมี ครม.และ สส.พรรคร่วมรัฐบาลจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.), พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.), พรรคกล้าธรรม (กธ.), พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.), พรรคชาติพัฒนา (ชพน.), พรรคประชาชาติ (ปช.) เข้าร่วมด้วยอย่างคึกคัก ทั้งนี้ เวลา 17.33 น. น.ส.แพทองธารได้เดินทางมาถึง

ต่อมาเวลา 17.58 น. นายทักษิณเดินทางมาถึง มี น.ส.แพทองธารและแกนนำพรรค พท. อาทิ นายภูมิธรรม, นายสรวงศ์, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม, นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม, น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง, น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รอต้อนรับ

โดยนายทักษิณยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายสื่อมวลชน ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้จะบรรยายเรื่องอะไร นายทักษิณกล่าวว่า มาคุยกับพรรคการเมืองก็ต้องคุยการเมือง ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า จะโดนข้อหาครอบงำหรือไม่ แต่นายทักษิณไม่ได้ตอบคำถาม และเดินเข้าไปห้องจัดงานทันที

อิ๊งค์มั่นใจกลับรับใช้ ปชช.อีก

ต่อมาเวลา 18.40 น. น.ส.แพทองธารกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับทุกท่าน มาทานข้าวกัน หวังว่าจะมีบรรยากาศที่เป็นกันเองในการพูดคุย ขอให้ทุกท่านเข้ามาพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผย อย่างสบายใจ เพราะความจริงแล้วเรามีเจตนารมณ์และมีเป้าหมายร่วมกันอยู่แล้ว คือการดูแลประชาชน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับการสนับสนุนที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ปี ที่ดิฉันเองเป็นหัวหน้ารัฐบาลในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องขอบคุณความทุ่มเท แรงกาย แรงใจของทุกท่านที่จะทำให้รัฐบาลของเราแข็งแรง การที่เรามีรัฐบาลที่แข็งแรงเราก็จะมีโอกาสในการทำเพื่อประชาชนได้มายิ่งขึ้น

น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าจะมีสถานการณ์มากมายที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์โลก สถานการณ์ภาษีต่างๆ เข้ามา รวมถึงสถานการณ์เสถียรภาพในเรื่องการเมืองของบ้านเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยคุกคามจากภายนอกในเรื่องของความมั่นคง ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเอกภาพ เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลนี่แหละที่จะทำให้เราชนะทุกสิ่ง ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ ชนะที่พูดถึงคือชนะในเรื่องของการที่เราจะสามารถรักษาอธิปไตยของเราไว้ได้ และสามารถรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในวันนี้ ถึงดิฉันจะไม่ได้มีโอกาสมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี แต่ก็ขอให้มั่นใจว่าไม่มีซักนาทีที่รู้สึกว่าจะวางภาระหรือทิ้งภาระเรื่องพี่น้องประชาชนไว้ อย่างน้อยดิฉันเองเป็นรัฐมนตรีวัฒนธรรม ยังคิดถึงช่องทางในการทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนเสมอ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่านี่คือเจตนารมณ์ของทุกท่านเช่นกัน นี่คือความแข็งแรงของพรรคร่วมรัฐบาล

“ดิฉันก็ยังมั่นใจอีกเรื่องในเรื่องของเจตนาอันบริสุทธิ์ที่จะรักษาไว้ซึ่งชีวิตของพี่น้องประชาชน รักษาไว้ซึ่งชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร การยึดหลักในเรื่องของสันติวิธีเป็นสิ่งที่สำคัญ และหวังว่าสิ่งพวกนี้จะสามารถพิสูจน์ในเรื่องของกระบวนการต่างๆ ได้ และดิฉันจะได้มีโอกาสกลับมาทำเพื่อพี่น้องประชาชน รับใช้พี่น้องประชาชน รับใช้สถาบัน และได้มีโอกาสกลับมาทำงานร่วมกับทุกท่านอีกครั้ง และดิฉันมั่นใจหลังจากที่เราปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีใหม่ เชื่อในตัวของทุกท่านว่าเราจะทำทุกอย่างเพื่อประเทศชาติและประชาชน และทำอย่างถูกต้อง ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง” น.ส.แพทองธารระบุ

เวลา 18.50 น. นายทักษิณขึ้นกล่าวบรรยายพิเศษว่า วันนี้รู้สึกหนุ่มขึ้นเยอะ มีความรู้สึกเหมือน 51 ปีที่แล้ว ตอนนั้นอายุ 25 ปี มีประสบการณ์ทางการเมืองเหมือนวันนี้ ตอนนั้นมาช่วยราชการอยู่กับนายปรีดา พัฒนถาบุตร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนเดียว และเป็นวิปรัฐบาล สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี สมัย 51 ปีที่แล้ว วันนี้บรรยากาศคล้ายกัน เพราะสมัยก่อนพรรคร่วมรัฐบาลมีหลายพรรค เพราะเป็นผลพวงจากการเขียนกฎหมายทางการเมืองให้หลายพรรคการเมือง ต้องเป็นในสภาพที่ไม่เป็นพรรคใหญ่มากนัก ตอนสมัยที่ตนขึ้นมาเป็นพรรคไทยรักไทย โดยรัฐธรรมนูญปี 2540 ทำให้พรรคการเมืองแข็งแรง แต่หลังจากปฏิวัติแล้วคงไม่อยากเห็นการเมืองแข็งแรงเลยเป็นแบบนี้ จึงเป็นความท้าทาย ตนเป็นคนไม่มองเห็นปัญหาเป็นปัญหา ตนมองปัญหาเป็นความท้าทาย

นายทักษิณกล่าวว่า วันนี้กำลังท้าทายพวกเราที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลว่าเราจะต้องสร้างความเป็นปึกแผ่น สร้างความแข็งแรงของพรรคร่วมรัฐบาล ถึงแม้ว่าเสียงจะเกินกึ่งหนึ่งไม่มากเกินไปนัก แต่ด้วยความสามัคคี ความน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาของชาติ เสียงหนึ่งเสียงก็เกินพอ แต่วันนี้เราเกินเยอะกว่านั้นเยอะ และเข้าใจว่ามียุทธการซึ่งไม่ค่อยพึงปรารถนาเท่าไหร่มีมาทุกฝ่าย ไม่เป็นไรอย่าไปพูดถึง

ขายฝันพรรคร่วมฯ จะไม่ทิ้งกัน

"ในสมัย 51 ปีที่แล้ว ผมมีบทบาทในการควบคุม สส. ให้มาโหวตในกฎหมายสำคัญทุกรอบ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณหรือกฎหมายสำคัญของรัฐบาล ผมต้องไปอยู่ในสภา ต้องไปไล่ตามหัวหน้าพรรคต่างๆ และทำบัญชี ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพื่อให้ผู้แทนทั้งหลายได้อยู่ในสภาให้เรียบร้อยและมั่นใจว่าเราชนะโหวต ก็ประคองอยู่พักนึง และตอนหลังมีเหตุการณ์หลายอย่าง บังเอิญวันนี้มีพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล ในจังหวะที่มั่นใจว่าได้เปรียบทางการเมือง แต่เป็นจังหวะที่ไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เป็นไรวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังเป็นปึกแผ่น แข็งแรงดี จากการที่ผมพบปะหัวหน้าพรรคทุกคน ทุกคนยืนยันว่าเราจะไปด้วยกัน ผมบอกกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า ทีมนี้แหละที่เมื่อเลือกตั้งแล้วก็จะเป็นเพื่อนร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อไม่ทิ้งกันขนาดนี้ก็ไม่ทิ้งกันตลอดไปจริงหรือไม่" นายทักษิณกล่าว

อดีตนายกฯ กล่าวว่า จากที่มีประสบการณ์ 51 ปีแล้ว มีความรู้สึกว่าวันนี้ดีกว่าวันนั้นเยอะ และวันนี้เองถึงแม้จะไม่ใช่เป็นเด็กอายุ 25 ปี ที่วิ่งไล่ตะครุบ สส.ให้มาประชุม แต่อย่างน้อยวันนี้ความเป็นพี่ๆ ของทุกท่านมาก่อน บางคนอาจเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะตนก็ 76 ปีแล้ว ยังง่ายกว่าเพราะวันนั้นยังทำได้ วันนั้นยังต้องไปขอเงินคนอื่นมาใช้ วันนี้ยังพอมีเงินใช้น่าจะโอเคกว่า จึงมั่นใจเราว่าสามารถประคองรัฐบาลได้ แล้วปัญหาที่เราจะต้องแก้ให้ประชาชนวันนี้มีเยอะมาก เพราะวันนี้บ้านเมืองเราเสียหายเยอะมาก การบริหารที่ผิดพลาดโดยเฉพาะการบริหารทางเศรษฐกิจ และระบบราชการที่เติบโตเยอะไป และซับซ้อน ซึ่งระบบราชการที่ดีต้องเปิดเผยชัดเจน ทำให้ประชาชนได้ใช้บริการ ดังนั้นการปรับปรุงรัฐบาล ปรับปรุงบริหารประเทศ จะว่าแย่ก็แย่ จะว่าดีก็ดี เพราะเรามีเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาให้เร็วขึ้น จึงต้องการให้ทุกท่านอดทนช่วยกัน และรัฐมนตรีทั้งหลายก็ทำงานไปด้วย ขอให้แบ่งเวลาให้ดี แบ่งเวลาให้ความอบอุ่นกับ สส.ด้วย เพราะประชาชนอยู่ใกล้กับ สส. บางเวลามีทุกข์มาเขาไม่รู้จะบ่นกับใคร ก็ต้องบ่นกับพรรคหรือ สส.

"วันนี้ถ้าแต่ละพรรคแบ่งรัฐมนตรีให้ความอบอุ่นแก่ สส. ก็จะมั่นคง เพราะบางครั้งหากไม่ดูแลก็จะถูกตีท้ายครัว หากดูแลดีๆ ก็ไม่ถูกใครตีท้ายครัว เพราะวันนี้เรามีพวกชอบตีท้ายครัวอยู่ เชื่อรัฐบาล เชื่อในทฤษฎีอย่างหนึ่งคือเซตแบ็ก คือเราถอยออกมา เหมือนเวลาเราตีเทนนิสและลูกกลับมาเข้าฝั่งมันจะรุนแรงกว่า ดังนั้นการแก้ปัญหาของเราวันนี้เมื่อมีปัญหา มั่นใจว่ารัฐบาลจะแข็งแรงกว่าที่แล้วมา เพราะมีความสามัคคีกัน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย วันนี้ได้นายภูมิธรรมซึ่งกำกับดูแลเป็นกระทรวงที่ส่งนโยบายถึงมือประชาชน และได้เห็นนายภูมิธรรมไปนั่งทำงานก็ไม่ค่อยดุเท่าไหร่ ไปถึงสัปดาห์แรกย้ายอธิบดี 2 คน ซึ่งบางทีประเทศเราต้องการความเด็ดขาดเฉียบพลัน บางทีเราช้าไปรำวงมากไปก็ไม่ค่อยดี วันนี้เราไม่มีเวลาคนอื่นรำวงโชว์เราแล้ว ตอนนี้ต้องเอาจริง" อดีตนายกฯ กล่าว

นายทักษิณกล่าวว่า ได้เห็นรัฐมนตรีหลายท่านขยันมาก ตั้งใจทำงาน แต่ต้องระวัง เพราะวันนี้ผู้คนเราหลากหลายรู้หน้าไม่รู้ใจ บางทีก็จะมาในรูปแบบต่างๆ อยากให้รัฐมนตรีหนักแน่นเข้มแข็ง จะได้ทำการเมืองของเราให้ดี ตนว่างงานอยู่ ถ้ารัฐมนตรีคนไหนอยากใช้งาน จะโทรศัพท์มาปรึกษาหรืออะไรก็ยินดี ก็แม้กระทั่ง สส.อยากชวนตนไปเที่ยวบ้างก็ยินดี ตนคิดว่าไม่มีอะไรทำก็อยากขับรถเที่ยวทั่วประเทศไทย ไปดูว่าพ่อค้ายาเสพติดยังหลงเหลืออยู่ที่ไหนบ้างจะได้มาฟ้องให้ฟัง ชาวบ้านวันนี้ยอมรับเลยว่าเดือดร้อนทางเศรษฐกิจหนักที่สุด แต่ขอให้รัฐบาลจัดการยาเสพติดก่อน เพราะยาเสพติดทุกข์และก็ผวา

“ผมมั่นใจว่าวันนี้พวกเราทุกคนจะมีความสามัคคีกัน และเมื่อผมพ้นบ่วงของผมแล้ว ผมจะแวะไปเยี่ยมท่านทั้งหลาย ไปทุกจังหวัด แวะไปเยี่ยม ไปให้คำปรึกษา คำแนะนำ มีอะไรก็ไม่ต้องเกรงใจ หวังว่าจะช่วยเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ทุกคนมีผมอยู่ที่นี่ อย่าว้าเหว่ มีผมอยู่ที่นี่ อยากปรึกษาแวะมาหาอยากกินข้าวด้วย แวะมา เพื่อพวกเราจะทำงานได้อย่างสบายใจ และไม่ต้องไปตกใจกับคะแนนเสียงที่หายไป มันหายไปได้ก็กลับมาได้ หวังว่าทุกคนคงจะมีกำลังใจ และมีผมอยู่ทั้งคน ได้นายกฯ อิ๊งค์แถมพ่อนายกฯ อิ๊งค์ไว้ช่วยเป็นที่ปรึกษาก็แล้วกัน” นายทักษิณกล่าว

เหน็บใช้บารมีสุดท้ายอุ้มพรรค

ด้านพรรคฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายทักษิณไปร่วมวงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลว่า คงไม่ได้มีความเห็นอะไรเป็นพิเศษ ตนยังคงหวังว่าบทสนทนาที่เกิดขึ้นในวงดินเนอร์น่าจะเป็นสิ่งต่างๆ ที่รัฐบาลอยากจะมาผลักดันร่วมกัน

"ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ผมเชื่อว่าตอนนี้เรามีกฎหมายหลายฉบับ ซึ่งเมื่อพรรค ภท.มาอยู่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ดังนั้นถ้ามีจุดยืนบางอย่างที่พรรค พท.สามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ เช่น การปฏิรูปกองทัพ หรือกฎหมายอื่นๆ บางฉบับ ฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะสนับสนุนรัฐบาล" นายณัฐพงษ์กล่าว

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า กลายเป็นว่าวันนี้นายทักษิณใช้จังหวะนี้ในการแสดงบทบาทนำของตัวเองมากขึ้น เรื่องดินเนอร์ทานข้าวก็เป็นดุลยพินิจของพรรคร่วมรัฐบาล แต่วันนี้หลายฉากที่เกิดขึ้นนายทักษิณแสดงบทบาทนำ แล้วทำให้ น.ส.แพทองธารถูกคิดถึงน้อยลง

"ตอนนี้ต้องเอาผู้อาวุโสบั้นปลายชีวิต ที่ใช้บารมีสุดท้ายที่เคยสะสมมาตลอดเวลามาเผาเล่น โดยหวังว่าจะใช้บารมีที่มีในช่วงสุดท้ายในการประคองพรรคเพื่อไทย ประคองตระกูลชินวัตร ประคองลูก วิธีคิดแบบนี้เป็นวิธีคิดที่ผิด ประเทศของเราควรจะเดินหน้าได้เสียที และการจะเดินหน้าได้มันต้องหลุดพ้นจากการเมืองแบบนี้ได้แล้ว" นายรังสิมันต์กล่าว

ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลที่มีนายทักษิณเข้าร่วมด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกหวิวอะไร เพราะวันนี้เราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลแล้ว ถ้าอยู่ในรัฐบาลแล้วไม่ได้ไป อย่างนั้นต้องหวิว แต่นี่ไม่ได้รู้สึกอะไร ตนก็มาดินเนอร์กับพรรคตน

ถามว่าการที่นายทักษิณไปร่วมวงดินเนอร์ด้วย จะเป็นการครอบงำหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ต้องมองอะไรแล้ว เอาสรรพกำลังทั้งหมดไปช่วยเลือกตั้งศรีสะเกษให้พรรค ภท.ชนะดีกว่า

ซักว่าชินกับการเป็นฝ่ายค้านแล้วหรือยัง นายอนุทินกล่าวว่า หน้าที่ที่มีความภาคภูมิใจที่สุดสำหรับตนคือการเป็น สส. เพราะตนเคยพูดตลอดว่าสิ่งที่ถ้าจะต้องเลือก คือต้องเลือกเป็น สส.ไว้ก่อน

ถามว่า มองอย่างไรที่ทางพรรค พท.ไล่บี้พรรค ภท.ในหลายๆ เรื่อง นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ได้มอง และไม่ได้มีใครมาไล่บี้ ซักว่าที่ผ่านมานายทักษิณและ สส.เพื่อไทยพาดพิงนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทยตลอด นายอนุทินกล่าวว่า ท่านทั้งหลายที่มีการพาดพิงมาไม่ได้พูดกับตน พวกเขาพูดกับประชาชน ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนแยกแยะได้ อย่างไรก็ตามต้องดูความจริง เรื่องไหนที่ถึงโรงถึงศาลอยู่ก็ต้องให้การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ถ้าเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ต้องกังวล

นายอนุทินกล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 5 จ.ศรีสะเกษ ว่า เราส่งผู้สมัครเป็นผู้แทนของพรรคลงไป เพราะเราอยากได้ผู้แทนของประชาชนทุกเขต เราเชื่อว่าผู้แทนของพรรคจะทำประโยชน์ให้กับประชาชนและคนในพื้นที่ได้

"การลงไปช่วยหาเสียงพรรคไม่ได้จัดชุดใหญ่ เป็นเพียงการปราศรัยกับพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษ ไม่มีการจัดตั้งใดๆ ทั้งสิ้น สส.คนไหนว่างก็ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียง" นายอนุทินกล่าว

ถามถึงกรณีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรค ภท. ไปร่วมแสดงความยินดีกับ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง และรองเลขาธิการพรรค ปชป. ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จะเป็นการดึงเข้าร่วมพรรค ภท.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เห็นไหมไปแต่เรื่องที่เป็นบวกทั้งนั้น ไปรักกันดีกว่า ไปไหนต้องไปรักกัน ไปสร้างมิตรภาพ คนเราอยู่ไม่ถึง 100 ปีก็ตายหมดแล้ว ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ใกล้ๆ กันนั้น

ส่วนนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง แถลงถึงมติพรรคภูมิใจไทยที่เตรียมขอหารือพรรคฝ่ายค้าน ขอสภาผู้แทนราษฎรเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เกี่ยวกับการรับมือภาษีทรัมป์ของรัฐบาล

นายภราดรกล่าวว่า พรรค ภท.ที่ต้องการเปิดมติดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้รับทราบว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร เนื่องจากการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลขณะนี้เหมือนคนไทยถูกปิดหูปิดตา และไม่รู้อะไรเลย ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอีก 8 วันจากนี้ จนกว่าจะถึงวันที่ 1 ส.ค.ที่เกณฑ์ภาษีนำเข้าสหรัฐถึง 36% จะมีการบังคับใช้โดยจะส่งผลต่อการส่งออกของประเทศไทย

"การหารือกับพรรคฝ่ายค้าน เพื่อขอเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 พรรคภูมิใจไทย จะพูดคุยในวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งการขอเปิดอภิปรายดังกล่าว ต้องใช้เสียงหนึ่งใน 10 ของสภาผู้แทนราษฎร หรือ 50 คนขึ้นไป" นายภราดรกล่าว

วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำร้องในคดีที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ รัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) จึงนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในวันพุธที่ 10 ก.ย. เวลา 09.30 น.