เปิดวงจรปิด ภรรยายิงผัวเป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ดับ ปมหึงหวงสะสม
เปิดวงจรปิด นาทีภรรยายิงผัวเป็นผู้จัดการโชว์รูมรถยนต์ดับ คาดปมหึงหวงสะสม
วันนี้ (22 ก.ค. 68) เวลา 10.50 น. ผู้สื่อข่าวติดตามความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญ ภรรยายิงสามีเสียชีวิตภายในบ้านพักย่านศาลากลาง ก่อนขับรถไปจบชีวิตตัวเองที่คลองมหาสวัสดิ์ เขตทวีวัฒนา จ.นนทบุรี
พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.ปลายบาง ให้สัมภาษณ์ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.ปลายบาง ได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้ถูกยิงเสียชีวิตช่วงเวลาประมาณ 02.00 น. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบ เนื่องจากยังไม่ทราบพิกัดแน่ชัดว่าอยู่บริเวณใด
ต่อมาเวลาประมาณ 03.20 น. ทางตำรวจได้รับแจ้งเหตุอีกครั้ง โดยรอบนี้ทางลูกสาวผู้เสียชีวิตได้แจ้งมาว่าคุณพ่อถูกยิงเสียชีวิตภายในหมู่บ้านดังกล่าว ตำรวจจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ตายถูกยิงจำนวน 2 นัด บริเวณแขนและใบหน้า
จากการสอบถามข้อมูลลูกสาวเบื้องต้น ทราบว่าบ้านหลังนี้คุณพ่อพักอยู่กับภรรยา 2 คน โดยทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงทะเลาะกันมานานในเรื่องของความสัมพันธ์ ปมชู้สาว จึงเป็นสาเหตุในการลงมือครั้งนี้
หลังจากก่อเหตุยิงสามีดับ ทางภรรยาได้โทรหาเพื่อนคนหนึ่ง และบอกว่าได้ก่อเหตุยิงสามีเสียชีวิต พร้อมขู่ว่าจะจบชีวิตตามที่คลองมหาสวัสดิ์ ทางเพื่อนของภรรยาจึงได้ติดต่อลูกสาว และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุ พบว่ามีศพผู้เสียชีวิตจริงตามข้อมูล โดยพบรถเก๋งสีขาวของภรรยาจอดอยู่ริมคลอง ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กม. และพบศพภรรยาอยู่ที่ริมคลอง คาดว่าเกิดอาการเครียดจึงจบชีวิตตัวเองตาม
ขณะพบศพภรรยา ตำรวจได้ทำการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ (เวลาในแต่ละกล้องไม่ตรงกัน) ปรากฏว่าพบภาพขณะภรรยาขับรถเก๋งมาจอดที่จุดเกิดเหตุ และอยู่ในรถประมาณ 2 นาที
ต่อมากล้องวงจรปิดอีกมุมได้บันทึกภาพภรรยาเดินผ่านกล้อง ก่อนจะโยนทรัพย์สินลงน้ำ แล้วเดินไปยังจุดสุดมุมกล้อง ก่อนทำการยิงตัวเองเสียชีวิต ซึ่งจากพยานหลักฐานที่ได้จากกล้องวงจรปิด ตำรวจยืนยันว่าเป็นการยิงตัวเองจริง
ขณะที่ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และทราบดีว่าทั้งคู่มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง
สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการค้นหา โดยได้ประสานทีมประดาน้ำของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งลงพื้นที่งมหากว่า 3 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่พบอาวุธ