ศน. จัดอบรมผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทาน ปี68 พร้อมให้ความรู้ e-donation
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 28 สิงหาคม 2568 เวลา 17.54 น. • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 28ส.ค.- ศน.อบรมผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 68 ย้ำขั้นตอนปฏิบัติตามราชประเพณี สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสมพระเกียรติ พร้อมให้ความรู้ e-donation ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ เชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพขอกฐินพระราชทาน ปีนี้เหลือ 31 พระอารามหลวง ยังไม่มีเจ้าภาพ
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนาเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “พระมหากษัตริย์กับการพระพุทธศาสนาและศาสนพิธี” พร้อมด้วย ผู้บริหารกรมการศาสนา เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ประชาชนทั่วไปผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินพระราชทาน และผู้แทนสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด จำนวน 400 คน เข้าร่วมพิธี ณ ห้องอมรินทร์ ชั้น 3 โรงแรมเอสดี อเวนิว เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร และผ่านระบบ ZOOM
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา มีภารกิจในการสนองงานพระราชพิธี และงานพระราชกุศลของพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติงานพิธีที่อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระบรมราชานุเคราะห์ งานรัฐพิธี และศาสนพิธีโดยทั่วไป ซึ่งในงานพระราชกุศลมีภารกิจที่สำคัญ คือ การอำนวยความสะดวกแก่หน่วยงาน องค์กร คณะบุคคล และบุคคลทั่วไป ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่มีความประสงค์ขอพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวายแด่พระสงฆ์ที่จำพรรษา ถ้วนไตรมาส ณ พระอารามหลวงต่างๆ ทั่วประเทศ พร้อมกับทำหน้าที่จัดผ้าพระกฐินและเครื่องบริวารพระกฐินพระราชทาน มอบแก่ผู้ขอรับพระราชทาน การจัดอบรมในครั้งนี้ มีการบรรยายเรื่อง พระพุทธศาสนากับสถาบันพระมหากษัตริย์
โดย พระสุธีวชิรปฏิภาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ การบรรยายให้ความรู้เรื่อง e-donation จากกรมสรรพากร และการบรรยาย เรื่อง แนวทางและข้อปฏิบัติเกี่ยวกับพระกฐินพระราชทาน และการบรรยายพร้อมฝึกปฏิบัติ เรื่อง การจัดพิธีเกี่ยวกับพิธีกฐินพระราชทานแนวทางการจัดงานศาสนพิธีกับสถาบันพระมหากษัตริย์ การจัดพิธีเกี่ยวกับพิธีกฐินพระราชทาน จากเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานด้านศาสนพิธี ซึ่งกฐินพระราชทาน เป็นผ้าพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานผ้าพระกฐินพร้อมเครื่องบริวารพระกฐิน เพื่อน้อมนำไปทอดถวายยังพระอารามหลวงต่าง ๆ เพื่อเป็นการเตรียม
ความพร้อมให้แก่เจ้าหน้าที่ บุคลากรของส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กร คณะบุคคล ที่ขอรับผ้าพระกฐินพระราชทานไปถวายพระสงฆ์ที่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ประจำปีพุทธศักราช 2568 ให้ได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสทบทวนขั้นตอน แนวทางการปฏิบัติงานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้อย่างถูกต้องและสมพระเกียรติ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานด้านศาสนพิธีจะต้องมีความเชี่ยวชาญ
ในระเบียบและขั้นตอนต่างๆและจะต้องมีความรู้ เข้าใจความหมายต่างๆ ที่แฝงอยู่ในพิธีการ สามารถอธิบายได้ และสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เรียบร้อยและสวยงาม ทั้งนี้ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Facebook Live กรมการศาสนา
โดยปี 2568มีพระอารามหลวงที่ยังไม่มีผู้แจ้งความประสงค์ขอพระราชทานผ้าพระกฐิน 2568 จำนวนทั้งสิ้น 31 วัด ได้แก่ 1. โพธินิมิตรสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร 14 มหาธาตุ เพชรบูรณ์
2. คูยาง กำแพงเพชร 15. ไพรสณฑ์ศักดาราม เพชรบูรณ์
3. นาควัชรโสภณ (ธ) กำแพงเพชร 16. พระบาทมิ่งเมือง แพร่
4. พระบรมธาตุ กำแพงเพชร 17. ศรีมงคลใต้ มุกดาหาร
5. ชัยสามหมอ ชัยภูมิ 18. จองคำ แม่ฮ่องสอน
6. ตันตยาภิรม ตรัง 19. พุทธภูมิ ยะลา
7. มณีบรรพต ตาก 20. พุทธาธิวาส ยะลา
8. ธาตุประสิทธิ์ นครพนม 21. เมืองยะลา ยะลา
8.สะแก นครราชสีมา 22. กลางมิ่งเมือง ร้อยเอ็ด
10. เซกาเจติยาราม บึงกาฬ 23 บึงพระลานชัย (ธ) ร้อยเอ็ด
11. เกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์ 24. บุญวาทย์วิหาร ลำปาง
12. คลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์ 25. พระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน
13. เขาโบสถ์ ประจวบคีรีขันธ์ 26. เจียงอีศรีมงคลวราราม ศรีสะเกษ
27. ชัยมงคล สงขลา 28. หนองโว้ง สุโขทัย
29. พิศาลรัญญาวาส (ธ) หนองบัวลำภู 30. ศรีสระแก้ว หนองบัวลำภู
31. พระแท่นศิลาอาสน์ (ธ) อุตรดิตถ์
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่กรมการศาสนา ถือเป็นหน่วยงานหลักที่มีภารกิจและหน้าที่เกี่ยวกับ การดำเนินงาน ของรัฐด้านศาสนา โดยการทำนุบำรุงส่งเสริมและให้การอุปถัมภ์คุ้มครองกิจการด้านพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ที่ทางราชการรับรอง ตลอดจนการสนองงานพระราชพิธี งานพระราชกุศล งานรัฐพิธี และงานศาสนพิธี รัฐบาลได้เล็งเห็นถึงความสำคัญจึงได้กำหนดแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด้านยุทธศาสตร์การพัฒนาคนสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคมใช้ศาสนาเป็นหลักในการส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และคนในสังคมมีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมตามหลักคำสอนทางศาสนา พร้อมทั้งได้มีนโยบายของรัฐบาลด้านการเรียนรู้ การทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม โดยเฉพาะการทำนุบำรุงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา และศาสนาอื่นๆ ปลูกฝังค่านิยม และจิตสำนึกที่ดี สอดคล้องกับค่านิยมหลักของไทยในด้านความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดจนสร้างสันติสุขและความปรองดองสมานฉันท์ในสังคมไทยอย่างยั่งยืนสืบไป.-สำนักข่าวไทย 612