แม่ทัพภาค2 ลั่นหากพบกัมพูชาลอบวางระเบิดในฝั่งไทย ยิงได้ทันที
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่สโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้รับมอบเครื่องใช้จำเป็นภาคสนามและเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อนำไปมอบและจัดซื้อสิ่งของจำเป็นมอบให้กับทหารหาญที่ประจำการที่ชายแดน
โดยแม่ทัพ ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณคณะประชาชนที่เข้ามามอบสิ่งของพร้อมกับกล่าวว่า กำลังพลที่อยู่หน้าแนวนายรู้สึกดีใจที่หลวงปู่ศิลา สิริจันโท ได้เมตตา จะเห็นได้จากที่ท่านสร้างพระรุ่น พหุรมานเป็นพระที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะท่านสร้างด้วยความบริสุทธิ์ใจ และไม่มีเรื่องค้าขายพุทธพาณิชย์มาแทรก และท่านมุ่งมั่นที่จะให้ลูกหลานทหารในพื้นที่ชายแดนได้แคล้วคลาดปลอดภัยทุกคน
พลโทบุญสินระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้ ยังอยู่ในห้วงการเฝ้าระวังอยู่ ยังตรึงกำลังกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งเมื่อวานนี้ก็มีน้องทหารเหยียบกับระเบิดขาขาดอีกหนึ่งนาย ตนก็ได้ไปเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น น้องๆทหารได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว มันเป็นเหตุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นด้วยความเสียสละของน้องๆ
สำหรับเหตุการณ์ระเบิดครั้งล่าสุดนั้นยืนยันว่า เป็นระเบิดใหม่ที่ทหารกัมพูชา ลักลอบเข้ามาวางล้ำแนวลวดหนาม ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทหารของฝั่งไทยเดินลาดตระเวนเป็นประจำ และยังตรวจสอบพบว่าบริเวณโดยรอบจุดที่ระเบิดนั้น ยังตรวจพบระเบิดเพิ่มอีก 3 ลูก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาของฝั่งกัมพูชาที่ตั้งใจละเมิดอธิปไตยของไทย เพราะหลังแนวเขตลวดหนามทหารไทยเป็นฝ่ายที่คุมพื้นที่อยู่ และมีแนวโน้มว่าตลอดแนวลวดหนามที่ฝั่งไทยคุมพื้นที่เอาไว้ จะมีระเบิดที่ทางฝั่งกัมพูชาลักลอบนำเข้ามาวางอีก แต่ทางเราก็ไม่ประมาทและได้มีการแจ้งเตือนน้องทหารในพื้นที่ให้ลาดตระเวนด้วยความระมัดระวังเนื่องบริเวณดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับข้าศึก
ซึ่งหลังจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการลาดตระเวนด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม เช่น การใช้โดรนบินลาดตระเวน การใช้กล้องวงจรปิดร่วมกับการลาดตระเวนด้วยเท้า ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ทำได้อย่างเร่งด่วนคือ การทำหนังสือประท้วงว่าทางฝั่งกัมพูชานั้นละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา นอกจากนี้ยังได้มีคำสั่งไปยังทหารที่ควบคุมพื้นที่ดังกล่าวอยู่ว่า ถ้าพบเห็นการละเมิดอธิปไตยสามารถยิงได้ทันทีเพราะถือว่ารุกล้ำอธิปไตยของไทย
แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวย้ำต่อไปอีกว่า ขอยืนยันว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตนและแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่นั้นจะมีความต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้ว่าตนจะเกษียณไปแล้วก็ยังคงจะอยู่ช่วยแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ในการทำงานในเรื่องของการให้คำปรึกษา ส่วนการตัดสินใจนั้นคงจะต้องให้แม่ทัพคนใหม่นั้นเป็นคนพิจารณา
ส่วนเรื่องของการเปิดด่านนั้นคงต้องรอฝ่ายรัฐบาลเป็นคนเจรจาแต่ในมุมของกองทัพนั้นยังไม่เห็นสมควรที่จะเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย