ศูนย์ปฏฺิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันทหารกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดชนิด PMN-2
(28ส.ค.68) ศูนย์ปฏฺิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ TMAC ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากเหตุการณ์ที่ กำลังพลของกองทัพบก ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลา 15.45 นาฬิกา ระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามเส้นทางประจำวัน นับเป็นเหตุการณ์ครั้งที่ 6 ที่ทหารไทยเสียขา จากการเหยียบกับระเบิด จากการกระทำที่เลวทรามไร้จิตสำนึกของกองทัพกัมพูชา
พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ พบว่าทุ่นระเบิดสังหารดังกล่าวเป็นทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ซึ่งถูกลักลอบวางโดยทหารกัมพูชา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นครั้งที่ 6 และเป็นครั้งที่ 3 ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ไทย–กัมพูชาได้มีข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันในกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จึงเป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชายังคงเจตนาละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง
แม้กระทรวงกลาโหมกัมพูชาจะออกมาปฏิเสธ โดยอ้างว่าทุ่นระเบิดดังกล่าวเป็นเพียงวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามในอดีตและยืนยันว่ายังปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา แต่ข้ออ้างนี้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เนื่องจากกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวได้ผ่านการเก็บกู้และเคลียร์ทุ่นระเบิดแล้วตั้งแต่ปี 2019 รวมกว่า 1,300 ลูก ซึ่งไม่มีทุ่นชนิด PMN-2 อยู่เลย อีกทั้งทุ่นที่ตรวจพบมีลักษณะเป็นพลาสติกแข็ง ผลิตใหม่ ผิวมันเงา และมีรหัสอักษรและตัวเลขคมชัด แตกต่างจากทุ่นเก่าที่เคยใช้ในกัมพูชาอย่างชัดเจน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทั้งภาพถ่ายและคลิปจากโทรศัพท์มือถือทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ แสดงการถือและสาธิตการใช้ทุ่น PMN-2 พร้อมเสียงสนทนาเป็นภาษาเขมร ภาพถ่ายจากสื่อสังคมออนไลน์กัมพูชา เมื่อ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ปรากฏพวงทุ่น PMN-2 อยู่บริเวณปราสาทตาควาย รวมทั้งเหตุการณ์ เมื่อ 22 สิงหาคม 2568 ที่ตรวจพบทหารกัมพูชาดักซุ่มและมีการพบ PMN-2 หลายลูกในพื้นที่ใกล้เคียง หลักฐานเหล่านี้ตอกย้ำว่ากัมพูชายังคงลักลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ละเมิดทั้งข้อตกลงหยุดยิงและอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งกัมพูชาเป็นรัฐภาคีและเคยให้คำมั่นต่อประชาคมโลกว่าจะเลิกใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
กองบัญชาการกองทัพไทย โดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ขอเรียกร้องไปยังองค์การสหประชาชาติ (UN) โดย UN Mine Action Service(UNMAS) ศูนย์ระหว่างประเทศว่าด้วยการปลดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมแห่งนครเจนีวา (GICHD) รวมถึงองค์กรสากลที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิสูจน์พยานหลักฐานอย่างเป็นกลาง และเข้าร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยเสนอตั้งเป็น “คณะที่ปรึกษาและสังเกตการณ์ร่วม ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม” (Joint Humanitarian Demining Advisory and Observatory Group) อีกทั้งขอเชิญศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) เข้าร่วมเก็บกู้และพิสูจน์ทราบร่วมกับองค์กรนานาชาติ โดยฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนทั้งงบประมาณ เบี้ยเลี้ยง และการอำนวยความสะดวกทุกประการ หากฝ่ายกัมพูชาไม่มีงบประมาณเพียงพอให้กำลังพล ไทยยินดีที่จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพื่อแสดงความจริงใจในการธำรงสันติภาพ และยืนยันว่าหน้าที่ด้านมนุษยธรรมต้องอยู่เหนือแรงกดดันทางการเมืองหรือความสุดโต่งทางชาตินิยม
กองทัพไทยขอย้ำว่าการเพิกเฉยหรือปฏิเสธในสิ่งที่มีพยานหลักฐานชัดเจน ถือเป็นการบั่นทอนเกียรติยศของการเป็นทหาร และเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพในภูมิภาค จึงเรียกร้องให้กองทัพกัมพูชาเคารพข้อตกลงที่มีร่วมกันและยึดมั่นในกติกาสากลด้วยการกระทำที่จริงใจ มิใช่เพียงผลิตถ้อยคำที่ออกมาลวงโลก และไม่ยอมรับพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของคนในชาติของตนเอง
ข่าวเวิร์คพอยท์23