ย้อนรอย 'คลิปเสียงฮุน เซน' 17.06 นาที จุดปัญหาที่ล่ามแปลไม่ครบ
ก่อนที่ วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยใน 'คดีคลิปเสียงฮุน เซน' ซึ่งเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่แพทองธาร ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงจริง ได้ถูกแอบบันทึกโดยฮุนเซน
หนึ่งในประเด็นร้อนนอกจากแพทองธารจะรอดหรือไม่รอดหรือไม่ ที่ยังคงถูกจับตาอย่างใกล้ชิดคือ บทบาทของ "พี่ฮวด" หรือนายเขลียง ฮวด ที่ทำหน้าที่ "ล่าม" ในการถ่ายทอดสาระสำคัญของการสนทนาระหว่างฮุน เซน กับแพทองธาร และความแตกต่างระหว่าง "การแปลครบ" กับ "การแปลไม่ครบ" ซึ่งอาจส่งผลกระทบที่แตกต่างกัน
คลิปเสียงความยาว 17.06 นาทีเต็ม ที่เผยแพร่ออกมาและคำแปลของ "พี่ฮวด" ล่ามชาวกัมพูชา ได้ก่อให้เกิดคำถามถึงความครบถ้วนและแม่นยำในการสื่อสาร โดยเฉพาะเมื่อมีการถอดความแบบคำต่อคำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากัมพูชา
ความแตกต่างของการแปล "ครบถ้วน" หรือ "ตกหล่น"
"ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธิบดี บัวคำศรี" คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตว่าถ้อยคำสำคัญและน้ำเสียงของสมเด็จฮุนเซนที่ตอบปฏิเสธอย่างชัดเจนหายไปจากคำแปลของล่าม
สอดรับกับนายสรสาสน์ สีเพ็ง อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ผู้มีประสบการณ์แปลภาษาเขมรมากว่า 40 ปี ได้ยืนยันว่าการแปลของ "พี่ฮวด" ไม่ครบถ้วนและค่อนข้างแตกต่างกับการแปลแบบคำต่อคำของสมเด็จฮุนเซน โดยเฉพาะในประเด็นการเปิด-ปิดด่าน นักวิชาการมองว่าการแปลที่ไม่เท่ากัน ทำให้น้ำหนักของสาระสำคัญลดลง และปิดโอกาสที่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของสมเด็จฮุนเซนได้มากกว่านี้
จุดสำคัญที่คำแปล "ตกหล่น" หรือ "เปลี่ยนน้ำเสียง"
มีหลายช่วงในบทสนทนาที่ถูกระบุว่าคำแปลของล่าม "พี่ฮวด" ไม่ครบถ้วนหรือมีการปรับเปลี่ยนน้ำเสียง
การปฏิเสธการเจรจาอย่างเด็ดขาด
- สมเด็จฮุนเซนกล่าวปฏิเสธการเจรจาเรื่องการเปิดด่านอย่างน้อย 3 ครั้งในนาทีที่ 8.26 และ 8.42 โดยย้ำว่า "ไม่เจรจา" แต่ล่ามแปลเพียง 1 ครั้งในนาทีที่ 9.03 ว่า "ท่านไม่อยากเจรจาเรื่องปิดด่าน"
- ต่อมาในนาทีที่ 11.20 สมเด็จฮุนเซนยังระบุว่ากัมพูชาจะไม่เจรจา "เด็ดขาด" แต่ล่ามกลับแปลว่า "ฉะนั้นให้กัมพูชาไปเจรจาเปิดด่าน ดูแล้วไม่สวย ไม่สมควรอย่างยิ่ง" ซึ่งทำให้น้ำหนักของคำพูดเบาลงมาก.
- ในช่วงปิดการสนทนาในนาทีที่ 15.53 สมเด็จฮุนเซนกล่าวว่า "เรื่องนี้ไม่ต้องการมาเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชา" แต่ล่ามกลับใช้คำว่า "เรื่องด่านนี้เราไม่ควรไปเจรจา".
มาตรการตอบโต้ของกัมพูชา
- ล่ามไม่ได้แปลคำพูดของสมเด็จฮุนเซนที่ระบุว่า หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น (16 มิ.ย.) กัมพูชาจะดำเนินการอีกขั้นคือ ปิดการนำเข้าผลไม้และผักตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งหมด. การไม่แปลส่วนนี้ทำให้ฝ่ายไทยไม่ทราบถึงแผนการและมาตรการตอบโต้ที่กัมพูชาเตรียมไว้ล่วงหน้า.
- สมเด็จฮุนเซนยังย้ำว่าเขาพร้อมรับประกันด้วย "ให้ตัดหัวผมทิ้งได้" หากคำพูดของเขาไม่เป็นจริง แต่ส่วนนี้ก็ไม่ถูกแปลอย่างครบถ้วน.
คำพูดที่ถูก "เติม" เข้าไป
- ในนาทีที่ 9.36 สมเด็จฮุนเซนกล่าวว่า "ผมเข้าใจและผมก็สงสาร แต่ว่าผมไม่อาจเอาผลประโยชน์ของชาติไปแลกกับความเคารพนับถือที่มีต่อกันได้ เพราะว่านี่คือหน้าตาของประเทศกัมพูชา"
- แต่ล่ามกลับปรับการแปลโดยเริ่มต้นด้วยคำว่า "ท่านเป็นลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น" และอธิบายเพิ่มเติมว่า "ท่านเป็นผู้เริ่มต้นก่อน ท่านเปิดก่อน เราก็จะเปิดตาม" ซึ่งเป็นคำที่คู่สนทนาไม่ได้พูด
เงื่อนไขการเปิดด่าน
- นายสรสาสน์ สีเพ็ง ระบุว่าสมเด็จฮุนเซนต้องการให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดก่อน จากนั้นกัมพูชาจะถอนคำสั่งห้ามนำเข้าภายใน 5 ชั่วโมง. แต่เนื้อหาสำคัญนี้กลับไม่ปรากฏในคำแปลของล่ามในคลิปเสียงนั้น. สมเด็จฮุนเซนย้ำว่าทางกัมพูชาไม่จำเป็นต้องเจรจาในเรื่องนี้ เพราะไทยเป็นผู้เริ่มต้นปิดด่านก่อน.
ผลกระทบของการแปลที่ไม่ครบถ้วน
รศ.ปณิธาน วัฒนายากร อดีตโฆษกประจำตัวนายกรัฐมนตรีและผู้เชี่ยวชาญด้านการเจรจาระหว่างประเทศ ระบุถึงความไม่เป็นกลางของล่ามว่า โดยปกติแล้วการทูตระหว่างประเทศควรใช้ล่ามที่เป็นมืออาชีพที่แปลแบบคำต่อคำ เพื่อรับรู้ถึงน้ำเสียงและน้ำหนักคำพูดของคู่สนทนา
การแปลแบบสรุปใจความ อาจเหมาะสมกับงานแปลเอกสารทั่วไป แต่สำหรับการสื่อสารทางการทูต การแปลคำต่อคำมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะล่ามคือตัวกลางที่กำหนดทิศทางการสื่อสารของสองประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งหรือสันติภาพได้
ขณะที่สมาคมวิชาชีพนักแปลและล่ามแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังตั้งข้อสังเกตว่า "พี่ฮวด" ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา ไม่ใช่ล่ามคนกลางตามหลักปฏิบัติทางการทูตสากล ทำให้ถูกมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนและขาดความเป็นกลาง