อินโนเวสท์ เอกซ์ ไม่ห่วง หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าชิป 100% มองไม่กระทบผลประกอบการ ชี้ตลาดกังวลน้อยลง
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ไม่ห่วงผลประกอบการภาคธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากบริษัทส่วนใหญ่ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ ล่วงหน้าแล้ว พร้อมชี้ว่าตลาดหุ้นจะกังวลน้อยลง
กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปเซมิคอนดักเตอร์ทุกชนิดในอัตรา 100% แต่จะมีการยกเว้นสำหรับบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ รวมถึงยกเว้นให้กับบริษัทใดก็ตามที่รับปากว่าจะสร้างโรงงานผลิตเพิ่มในสหรัฐฯ นั้น
อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่า ผลกระทบต่อภาคธุรกิจและอารมณ์ของนักลงทุน (Sentiment) จะไม่มากนัก เพราะบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ได้ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ ล่วงหน้าแล้วหลายแห่ง จึงมีแนวโน้มที่จะได้รับการยกเว้นภาษี 100% แม้จะเป็นอัตราภาษีซึ่งสูงกว่าระดับ 35% ที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
และที่สำคัญ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ส่วนใหญ่ มีลูกค้าเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อราคาต่ำ รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud Service Provider : CPS) และกลุ่ม บริษัทคลาวด์ขนาดใหญ่ (Hyperscalers)
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนด้านมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้าน AI ที่อาจเกิดขึ้นในสหรัฐฯ รวมถึงแผนการลงทุนจากบริษัทใหญ่ต่างๆ อย่าง Microsoft และ Amazon ที่นับเป็นข่าวดีสำหรับห่วงโซ่อุปทานของเซมิคอนดักเตอร์
อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงคาดว่า ราคาหุ้นในกลุ่ม CPS และ Semiconductor จะตอบสนองเชิงบวกประมาณ 2-3% จากความเสี่ยงที่ลดลง และแนะนำให้เพิ่มการถือครองหุ้น Nvidia และ TSMC
อย่างไรก็ตาม อินโนเวสท์ เอกซ์ เตือนให้ระมัดระวังหุ้นที่มีสัดส่วนรายได้ในสหรัฐฯเยอะ หรือมีการลงทุนในสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด รวมถึงหุ้นที่มีห่วงโซ่อุปทานนอกสหรัฐฯ ในสัดส่วนค่อนข้างมาก ได้แก่ Qualcomm, HP, Dell
รวมถึงเตือนให้ระมัดระวังการถือหุ้นของบริษัทไต้หวันอย่าง Pegatron, Wistron, Quanta, Compal และผู้ผลิตชิปในญี่ปุ่น เช่น Renesas, Murata และ Rohm
เปิดโผบริษัทที่ได้เว้นภาษี 100%
TSMC: ก่อตั้งโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (fabs) 3 แห่ง เป็นเงิน 65,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
Intel: สร้างโรงงานผลิตใหม่ในวิทยาเขตที่แอริโซนา และ ‘ไซต์ขนาดใหญ่’ แห่งใหม่ในรัฐโอไฮโอ เม็ดเงินลงทุนเบื้องต้น 28,000 ล้านดอลลาร์ สูงสุดที่ 100,000 ล้านดอลลาร์
Samsung: สร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ สูงสุด 37,000 ล้านดอลลาร์
Micron Technology: ลงทุนสร้างโรงงานเพื่อการผลิต วิจัยและพัฒนาในรัฐนิวยอร์ก และไอดาโฮ เป็นเงิน 200,000 ล้านดอลลาร์
GlobalFoundries: ขยายและปรับปรุงโรงงาน ริเริ่มวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง และซิลิคอนโฟโตนิกส์ เป็นเงิน 16,000 ล้านดอลลาร์
Apple: โครงการ ‘American Manufacturing Program’ ระยะเวลา 4 ปี เพิ่มการใช้จ่ายและขยายความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในสหรัฐฯ เป็นเงิน 600,000 ล้านดอลลาร์
Texas Instruments (TI): ลงทุนในโรงงานผลิตแห่งใหม่ และขยายโรงงานที่มีอยู่เดิมเป็นจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์
Amkor Technology: สร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง และโรงงานทดสอบแห่งใหม่ 2,000 ล้านดอลลาร์
Applied Materials: สร้างโรงงานผลิตส่วนประกอบแห่งใหม่ คาดใช้เงิน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 5 ปี
Google: ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Data Center และ AI สูงถึง 85,000 ล้านดอลลาร์
Amazon: ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน Cloud, Data Center, AI และการพัฒนาชิป คาดมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์
NVIDIA: ลงทุนเชิงกลยุทธ์โครงสร้างพื้นฐาน AI และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ มากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์