ASL คาด SETแกว่งตัว sideway ได้แรงหนุนหุ้นแบงก์-THAI

หุ้นวิชั่น - บล.เอเอสแอล ระบุว่า ปัจจัยต่างประเทศ :
(+) ราคาหุ้น Apple พุ่ง 5%
(+) ตลาดคาดเฟดลดดอกเบี้ยการประชุมในเดือน ก.ย.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 81.38 จุด นำโดยหุ้น Apple ที่พุ่งขึ้น 5.1% หลังประกาศลงทุนใหม่ในสหรัฐฯ มูลค่า$100,000 ล้าน ภายใต้โครงการ “American Manufacturing Program” โดยได้รับการสนับสนุนจากทำเนียบขาวและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขณะเดียวกันยังระบุถึงความคืบหน้าในการเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามยูเครน และได้ลงนามเก็บภาษีนำเข้าอินเดียเพิ่มอีก 25% เพื่อตอบโต้การซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ทั้งนี้อินเดียเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และเป็นผู้ซื้อน้ำมันจากรัสเซียมากกว่า 1 ใน 3 ของความต้องการภายในประเทศ

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจมี รายงานจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ต่ำกว่าคาด และมีการปรับลดตัวเลขเดือนก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ย0.25% ในการประชุมเดือน ก.ย. โดยนักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 95.2% เพิ่มขึ้นจากเพียง 46.7% ในสัปดาห์ก่อน ด้านประธานเฟดสาขามินนิแอโพลิสระบุว่าเฟดอาจต้องลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้เพื่อรับมือเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอ

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทจดทะเบียนยังคงสนับสนุนบรรยากาศเชิงบวก โดย 80% ของบริษัทใน S&P500 ที่รายงานแล้วมีกำไรดีกว่าคาด หุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและอุปโภคบริโภคปรับขึ้นเด่นสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้ว่าหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และพลังงานจะอ่อนตัว

ปัจจัยในประเทศ :
(+) Fund flow ไหลเข้าต่อเนื่อง
(0) Earnings season

ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway ในกรอบ 1250-1280 จุด ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนจากเม็ดเงิน Fund Flow ที่ยังไหลเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ท่ามกลางภาวะ Risk On จากความคาดหวังว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ Bond Yield สหรัฐปรับตัวลง หนุนให้นักลงทุนหันมาถือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยหุ้นไทยได้แรงขับเคลื่อนจากหุ้นกลุ่มแบงก์ หุ้น Big Capและ THAI ที่ช่วยพยุงดัชนี

นอกจากนี้ ความชัดเจนเรื่องภาษีตอบโต้จากสหรัฐและแนวโน้มการปรับขึ้นของ EPS บริษัทจดทะเบียนไทยยิ่งช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน แม้ตลาดหุ้นบางประเทศในภูมิภาคจะขึ้นทำนิวไฮไปแล้ว แต่ตลาดหุ้นไทยยังถือว่าเพิ่งเริ่มรอบการฟื้นตัว ขานรับเม็ดเงินไหลเข้าต่อเนื่องตั้งแต่ก.ค. จนถึง ส.ค. จาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลกและไทยโดย IMF, กระแสการลงทุนหุ้น Value - ปันผล (SET Div. Yield = 3.8%) และแนวโน้มการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนีMSCI (ประกาศ 12 ส.ค.) และ FTSE (ประกาศ 22 ส.ค.)

Stock pick : HMPRO ผลงาน 2H25 ยังเติบโต เป้าเชิงกลยุทธ์ที่ 7.90 บาท