OpenAI เปิดตัว GPT-5 ยกระดับพลัง AI ฉลาดเหมือนนักวิชาการปริญญาเอก
OpenAI ประกาศเปิดตัว "GPT-5" อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญและเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งบนเส้นทางสู่ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า GPT-5 เป็นโมเดลที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
"โดยเปรียบเทียบว่าการใช้งาน GPT-5 เหมือนกับการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก ในสาขาใดก็ได้ตามที่คุณต้องการ"
ก่อนหน้านี้ OpenAI เปิดเผยข้อมูลว่าปัญญาประดิษฐ์ ChatGPT ซึ่งเปิดตัวมา 32 เดือนที่แล้ว ได้กลายเป็นวิธีที่ผู้คนใช้ AI เป็นค่าเริ่มต้นไปแล้ว โดยมีผู้ใช้งานประมาณ 700 ล้านคนต่อสัปดาห์ และพึ่งพามันในการทำงาน การเรียนรู้ การขอคำแนะนำ การสร้างสรรค์ และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วย GPT-5 OpenAI มุ่งมั่นที่จะทำให้โมเดลระดับแนวหน้านี้เข้าถึงได้ในวงกว้างทั่วโลก รวมถึงผู้ใช้ฟรีเป็นครั้งแรก
คุณสมบัติและความสามารถหลักที่โดดเด่นของ GPT-5
GPT-5 ถูกออกแบบให้เป็นระบบรวมศูนย์อัจฉริยะ (Unified System) ที่ผสานข้อดีของโมเดลตระกูล o-series การวิเคราะห์เชิงเหตุผล และ GPT series การตอบสนองที่รวดเร็วเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีระบบ "Real-time Router" ที่จะตัดสินใจอัตโนมัติว่าจะใช้โมเดลตอบกลับแบบรวดเร็ว หรือใช้เวลา "คิดลึก" เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
1. ความฉลาดระดับผู้เชี่ยวชาญและสมรรถนะที่เพิ่มขึ้น
GPT-5 เป็นการอัปเกรดครั้งสำคัญจาก GPT-4o โดยให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญระดับปริญญาเอก ซึ่งต่างจาก GPT-4o ที่เหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย และ GPT-3 ที่เหมือนนักเรียนมัธยมปลาย เน้นการทำงานที่มีประโยชน์ ฉลาด รวดเร็ว และใช้งานง่าย
GPT-5 มีความสามารถในการให้เหตุผลเชิงลึก (Deep reasoning) และความรู้ระดับผู้เชี่ยวชาญในทุกกรณีที่จำเป็น เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และแม้กระทั่งกฎหมาย สามารถทำงานที่หลากหลายได้ในระดับที่ใกล้เคียงมนุษย์
ผลการทดสอบทำคะแนนได้ดีเยี่ยมในการประเมินทางวิชาการหลักหลายด้าน รวมถึงการทำคะแนนสูงสุดใหม่ใน SWEBench สำหรับการเขียนโค้ด, Aider Polyglot วัดความสามารถในการเขียนโค้ดหลายภาษา, MMMU การให้เหตุผลจากภาพ และ AIME 2025 การให้เหตุผลทางคณิตศาสตร์
2. ความสามารถในการเขียนโค้ดที่ยอดเยี่ยม
OpenAI ระบุว่า GPT-5 เป็น โมเดลการเขียนโค้ดที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบัน โดยมันสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ทั้งโปรแกรมตั้งแต่เริ่มต้น โดยแนวคิดซอฟต์แวร์ตามสั่ง (Software on demand) จะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่กำหนดยุคของ GPT-5
โดยมันสามารถสร้างเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือเกมที่สวยงาม มีการโต้ตอบ และตอบสนองได้ดี ด้วยคำสั่งเดียว (Single prompt)
และความสามารถพิเศษในการเข้าใจสุนทรียศาสตร์ของ UI/UX ได้ดีกว่าเวอร์ชันก่อนหน้า ทั้งการจัดวาง ตัวอักษร และระยะห่าง
รวมไปถึงการทำ "Vibe Coding" หรือสร้างแอปจากแนวคิดกว้างๆ โดยไม่ต้องสั่งละเอียด
โดยในการสาธิต GPT-5 สามารถสร้างเว็บแอปสอนภาษาฝรั่งเศสที่มีแฟลชการ์ด เกม และแบบทดสอบ รวมถึงเกม "งู" ที่ดัดแปลงพร้อมเสียงสอนภาษาได้อย่างรวดเร็ว
3. การเขียนและการสร้างสรรค์ที่เหนือกว่า
GPT-5 คุณภาพการเขียนได้รับการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เป็นคู่คิดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการยกระดับงานเขียนต่างๆ ตั้งแต่ฉบับร่าง อีเมล ไปจนถึงเรื่องราว
ซึ่งสามารถช่วยต่อยอดไอเดียที่ไม่ชัดเจนให้เป็นงานเขียนที่น่าสนใจ มีจังหวะ มีน้ำหนัก และลึกซึ้งเข้าถึงอารมณ์ผู้อ่านได้ เช่น แต่งกลอน ออกแบบคำอวยพร ช่วยงานวางแผน เขียนอีเมลธุรกิจ สรุปบันทึกการประชุม หรือแม้กระทั่งงานเขียนเชิงวรรณกรรม
4. การสนับสนุนด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ
โดย GPT-5 เป็นโมเดลที่ดีที่สุดของ OpenAI สำหรับคำถามที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจรายงานทางการแพทย์ที่ซับซ้อนเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ช่วยให้เตรียมคำถามสำหรับแพทย์ และช่วยเปรียบเทียบทางเลือกในการรักษา
ผลการทดสอบ GPT-5 ทำคะแนนได้สูงสุดในแบบทดสอบ HealthBench ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานที่ OpenAI พัฒนาขึ้นโดยอิงจากสถานการณ์จริงและกำหนดโดยแพทย์
การตัดสินใจคล้ายมนุษย์มีพฤติกรรมเหมือน "คู่คิดด้านสุขภาพ" โดยตั้งคำถามให้ผู้ใช้คิดต่อ เสนอข้อควรระวัง และปรับคำตอบให้เหมาะกับบริบท อย่างไรก็ตาม OpenAI ย้ำชัดเจนว่า ChatGPT ไม่ใช่แพทย์ และไม่ได้มีไว้เพื่อทดแทนผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
5. การลดข้อมูลหลอนและความปลอดภัย
ทีมงาน OpenAI เปิดเผยว่าทีมงานทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้ GPT-5 เป็นโมเดลที่ น่าเชื่อถือและแม่นยำที่สุด ลดปัญหาการสร้างข้อมูลหลอน (hallucinations) ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดในการแสดงข้อเท็จจริง
โดยผลลัพท์ทำให้ GPT-5 มีอัตราการสร้างข้อมูลหลอนต่ำกว่า 0.3% ซึ่งดีกว่ารุ่นเรือธงก่อนหน้ามาก ในการทดสอบ GPT-5 ลดอัตราข้อผิดพลาดลงประมาณ 45% เมื่อเทียบกับ GPT-4o
นอกจากนี้ยังพบว่า GPT-5 มี ความสามารถในการหลอกลวง (Deception) ที่ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับ o3 และ o4 ซึ่งมีการใช้เทคนิคการฝึกฝนใหม่ๆ เช่น การใช้โมเดลรุ่นก่อนหน้าในการสร้างข้อมูลสังเคราะห์คุณภาพสูงเพื่อสอน GPT-5 ในหัวข้อที่ซับซ้อน
6. คุณสมบัติการใช้งานและ API ใหม่
ระบบเสียง โดยมีการปรับปรุงเสียงให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น รองรับวิดีโอ และการแปลระหว่างภาษาต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง และผู้ใช้ฟรีสามารถแชทด้วยเสียงได้หลายชั่วโมง ส่วนสมาชิกแบบชำระเงินสามารถเข้าถึงได้เกือบไม่จำกัด
การสนทนา โดยมันความสามารถในการปรับแต่งสีของการสนทนา และมีบุคลิกที่ตั้งไว้ล่วงหน้า (Preset Personalities) 4 แบบ คือ Cynic, Robot, Listener และ Nerd เพื่อให้สอดคล้องกับสไตล์การสื่อสารของผู้ใช้
หน่วยความจำ GPT-5 มีการปรับปรุงคุณสมบัติหน่วยความจำอย่างมาก ทำให้ Chat GPT เรียนรู้เกี่ยวกับผู้ใช้ได้มากขึ้นและช่วยให้บรรลุเป้าหมายในชีวิต
สำหรับผู้ใช้ Pro จะสามารถให้ Chat GPT เข้าถึง Gmail และ Google Calendar ได้ เพื่อช่วยวางแผนตารางเวลาและจัดการชีวิต
เครื่องมือ API ใน GPT-5 มีสามโมเดลใหม่ใน API ได้แก่ GPT-5, GPT-5 mini, และ GPT-5 nano ซึ่งช่วยให้นักพัฒนาสามารถเลือกใช้ได้ตามความเร็วและงบประมาณ รวมถึง "Custom Tools" สำหรับการเรียกใช้ฟังก์ชันที่ซับซ้อน "Tool Call Preambles" ที่โมเดลจะอธิบายสิ่งที่กำลังจะทำก่อนเรียกใช้เครื่องมือ และ "Verbosity Parameter" เพื่อควบคุมความยาวของการตอบสนอง เหมาะสำหรับนักพัฒนานำไปต่อยอดเป็นแอปพลิเคชันต่าง ๆ
การเข้าถึงและราคา
ผู้ใช้ทั่วไป (ฟรี) สามารถใช้งาน GPT-5 ได้แบบจำกัด. เมื่อถึงขีดจำกัด ระบบจะเปลี่ยนไปใช้ GPT-5 mini โดยอัตโนมัติ ซึ่งยังคงมีประสิทธิภาพสูง
ผู้ใช้ Plus (เสียเงิน) จะได้รับโควตาการใช้งาน GPT-5 ที่สูงขึ้น
ผู้ใช้ Pro (เสียเงิน) จะได้รับการเข้าถึง GPT-5 Pro แบบไม่จำกัด ซึ่งมีความสามารถในการวิเคราะห์ระดับลึกยิ่งขึ้น พร้อม extended thinking สำหรับการตอบสนองที่ละเอียดและน่าเชื่อถือมากขึ้น.
สำหรับลูกค้าองค์กรและสถาบันการศึกษา (Team, Enterprise, EDU) สามารถใช้ GPT-5 เป็นโมเดลเริ่มต้นสำหรับงานประจำวันได้ พร้อมขีดจำกัดการใช้งานที่มากพอรองรับทั้งองค์กร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F จากประเทศสวีเดน
- “การบ้าน” ไม่ยากอีกต่อไป !! ChatGPT เปิดตัวโหมด Study สอนการบ้าน ติวสอบ เน้นการศึกษา
- จีนเปิดศึกประชัน “ทีมนักรังสีแพทย์ล้วน VS ทีมที่ใช้ AI” โชว์วินิจฉัยโรคบนเวที
- รัฐบาลทรัมป์จับมือ Big Tech พัฒนา "ระบบนิเวศสุขภาพดิจิทัล" ยกระดับการดูแลผู้ป่วยด้วย AI
- ศึกร้อน "สหรัฐฯ" ปะทะ "จีน" ท้าชิงเบอร์ 1 ของโลกเอไอ หวังกุมอำนาจวงการปัญญาประดิษฐ์