ผบ.ตร. เดินหน้า 9 มาตรการเข้ม ปราบยาเสพติด-อาชญากรรมออนไลน์

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ผบ.ตร. กำหนด 9 มาตรการเข้ม รับมือยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ คนต่างด้าวผิดกฎหมาย และคดีข้ามชาติ พร้อมสั่งปรับแผนรับสถานการณ์ชายแดน-ภาคใต้ คุมเข้มทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

วันที่ 9 สิงหาคม 2568 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2568 เพื่อขับเคลื่อนการทำงานด้านปราบปรามอาชญากรรม ยาเสพติด ภายใต้นโยบาย No Drugs No Dealers รวมถึงเว็บไซต์พนันและอาชญากรรมออนไลน์ การปราบปรามคนต่างด้าวผิดกฎหมาย ปัญหาด่านตรวจชายแดนไทย–กัมพูชา หนี้นอกระบบ บุหรี่ไฟฟ้า และการเสริมความพร้อมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่ประชุมรายงานว่า คดีฉ้อโกงออนไลน์มีสถิติสูงขึ้น เฉลี่ยวันละ 1,100 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยพบศูนย์กลางกระทำผิดกว่า 38 จุดในพื้นที่ชายแดนและชั้นในของกัมพูชา พร้อมพัฒนาระบบอายัดเงินให้รวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ ได้สั่งการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจเข้มคนต่างด้าว ป้องกันบุคคลต้องห้ามและผู้แฝงตัวมาก่อเหตุ พร้อมขยายระบบกล้องตรวจจับใบหน้า (AI Police Cyborg) ทั่วประเทศ

9 มาตรการสำคัญ

1. ยาเสพติด – ค้นหาผู้ค้า-ผู้เสพเชิงรุกทุกพื้นที่ ขยายผลทุกมิติ ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องรับผิดชอบ

2. อาชญากรรมออนไลน์ – เร่งดำเนินคดี ออกหมายจับ ยึดทรัพย์ คืนเงินผู้เสียหาย คัดกรองผู้ต้องสงสัยจากประเทศเพื่อนบ้าน

3. คนต่างด้าว – ตรวจสอบข้อมูลอย่างเข้มงวด ห้ามข้าราชการตำรวจยุ่งเกี่ยวหรือเอื้อประโยชน์

4. สถานบริการ – กวาดล้างยาเสพติด แหล่งมั่วสุม โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและสถานศึกษา

5. คดีทรัพย์ – ปรับแผนรับมืออาชญากรรมตามพื้นที่และรูปแบบการก่อเหตุ

6. ความประพฤติข้าราชการตำรวจ – เป็นแบบอย่าง ไม่กระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะคดีนโยบายสำคัญ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า พืชกระท่อม กัญชา

7. ชายแดนไทย–กัมพูชา – เฝ้าระวัง ป้องกันพื้นที่ พิทักษ์สถานที่อพยพชั่วคราว และป้องกันการซ้ำเติมประชาชน

8. หมายจับ – สืบสวน จับกุม ส่งตัวผู้ต้องหาอย่างมีระบบ ใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

9. วินัยจราจร – เข้มบังคับใช้กฎหมาย ลดอุบัติเหตุบนถนน

ผบ.ตร. เตือนประชาชนอย่าร่วมขบวนการคอลเซ็นเตอร์หรือเปิดบัญชีม้า เพราะโทษสูงถึงจำคุกกว่า 100 ปี พร้อมย้ำหากข้าราชการตำรวจรายใดพัวพันความผิด จะดำเนินคดีทั้งอาญา วินัย และปกครองอย่างเด็ดขาด รวมถึงใช้ผลการปฏิบัติงานประกอบการแต่งตั้งโยกย้ายปลายปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง