จากแม่ถึงแม่ : เมื่อชีวิตคือหนังภาคใหม่ พูดคุยกับ ‘ไอซ ICEPADIE’ กับบทบาทสำคัญในฐานะ ‘ลูกสาว’ และ ‘คุณแม่ลูกสอง’
“ก่อนหน้านี้ไอซเป็นนางเอกในชีวิตของตัวเองมาตลอด หมายถึงว่าเราเป็นนักแสดงนำเลย แล้วอยู่ ๆ ก็มีนักแสดงใหม่ดาวรุ่งเกิดมาในซีน ซึ่งก็กลายเป็นว่าหมดยุค ICEPADIE ไอซดรอปตัวเองเป็นนักแสดงรอง…”
หากเปรียบชีวิตเป็นภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง เชื่อเหลือเกินว่าใครหลายคนอาจมองตัวเองเป็น ‘นักแสดงหลัก’ ของเรื่อง แต่หากวันหนึ่งนักแสดงหลักคนนั้นต้องกลายมาเป็น ‘คุณแม่’ เส้นเรื่องของภาพยนตร์ดังกล่าวจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เนื่องในโอกาสวันแม่ 12 สิงหาคมนี้ LINE TODAY จึงขอชวนทุกท่านมาพูดคุยกับ ‘ไอซ ภาวิดา ชิตเดชะ’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ICEPADIE’ ที่นอกจากจะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ บิวตี้บล็อกเกอร์ เจ้าของธุรกิจ Happy Sunday และคลินิก Quibes Clinic แล้ว คุณไอซยังมีบทบาทเป็น ‘ลูกสาว’ และ ‘คุณแม่ลูกสอง’ ของน้องวีว่าและเวก้าอีกด้วย
เมื่อชีวิตกลายเป็น ‘หนังภาคใหม่’ ทุกวินาทีของคุณไอซคือการเลี้ยงลูกและทำธุรกิจ
ชีวิตช่วงนี้ยุ่งมากเลยค่ะ ยุ่งที่สุดในโลกเลย ทุกวินาทีคือ ‘ลูก’ ไม่ก็ ‘งาน’ คือไอซต้องบอกก่อนเลยว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่เห็นภาพชัดมากว่า เรื่องทุกเรื่องมันไม่ได้เป็นเรื่องของเราอีกต่อไปแล้ว ก่อนหน้านี้ไอซเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ เป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ เราสร้างตัวตนนี้ขึ้นมาจากการเป็นตัวของเราเองแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่ มันเป็นเหมือน ‘หนังภาคใหม่’ ที่เป็นเรื่องของไอซที่เป็น ‘คุณแม่’ เราต้องเล่าใหม่ว่าเราดูแลเวก้ายังไง ทำธุรกิจยังไง แบรนด์ของเราเป็นยังไง ก็เลยรู้สึกว่าเป็นช่วงชีวิตที่วุ่นวายมาก และรู้สึกว่าก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างแท้จริง
แต่ว่าก็ยังสนุก และยังมีความสุขอยู่ ?
ใช่ค่ะ มันเป็นช่วงชีวิตที่รู้สึกว่าโตขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น แต่ถามว่าสนุกไหม ก็รู้สึกว่ายังสนุกอยู่ แล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่ทำมาในวัยรุ่น มันก็ทำให้เรามีวัยผู้ใหญ่แบบนี้ ซึ่งถ้าถามว่าทุกวันนี้เป็นยังไง ก็ต้องย้อนกลับไปมองเมื่อ 5 ปีที่แล้วว่า นี่คือ ‘ชีวิตในฝัน’ ของไอซเลย ที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ มีลูกน่ารัก ได้เลี้ยงลูก อยู่กับลูก มีเวลาให้ลูก ได้ทำงานที่เรารัก งานที่เรารู้สึกว่าตื่นเช้ามาแล้วยังอยากทำในทุกวัน และเป็นงานที่สามารถทำเงินให้กับเราได้
โฟกัสที่ปรับ ชีวิตที่เปลี่ยน หลังได้รู้ว่าตัวเอง ‘เป็นแม่’
ตอนที่ไอซเป็นแม่ รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยนไปทั้งหมดเลย อย่างที่บอกว่าช่วงวัยรุ่นเรายังไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ เราก็โฟกัสที่ตัวเองเป็นหลัก แต่ทันทีที่เราให้กำเนิดบุตร หรือว่าได้เป็นคุณแม่เนี่ย มันไม่ใช่เรื่องของเราแล้ว มันคือเรื่องที่ว่า “เราจะเลี้ยงดูสิ่งมีชีวิตนี้ยังไง” รู้สึกว่าโฟกัสในชีวิตมันเปลี่ยนตั้งแต่ตอนตั้งท้องเลย ไอซปรับโฟกัสไปที่ลูก เราจะต้องอารมณ์ดี ลูกเราจะได้อารมณ์ดี เราจะต้องไม่เครียด ลูกเราจะได้ไม่เครียด เราไม่ได้อยากกินสิ่งนี้เท่าไร แต่เราต้องกินเพราะดีกับลูก พอคลอดออกมาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีกว่าไอซสนใจและให้ความสำคัญกับการเลี้ยงลูกมาก ๆ เราตั้งใจทำทุกอย่างให้ดี ตั้งใจเลี้ยงลูกในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย จิตใจ การกิน การเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ทั้งหมดที่ทำไปเพราะเราอยากจะเป็นแม่ที่ดีมาก ๆ ค่ะ
เพราะการเลี้ยงลูกแสนท้าทาย คนเป็นแม่จึงต้องหา ‘จุดสมดุล’
ถ้าถามถึงความท้าทาย ความยากง่ายในการเลี้ยงลูก มันเยอะและมีหลายแง่มุมมาก ต้องบอกก่อนว่าไอซสปอยล์ตัวเองเยอะมาก เป็นคนที่รู้จักตัวเอง รักตัวเอง ดูแลตัวเอง ทีนี้พอมีลูก เราต้องลืมตัวเองไปแป๊บนึง เราอ้วนเลย ไม่สวยเลย เพราะต้องดูแลลูก เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่งเลยคือ การเรียนรู้ที่จะดูแลอีกสิ่งหนึ่งขึ้นมา โดยที่ balance กับการที่ยังต้องมีพื้นที่ของตัวเองด้วย เราตั้งคำถามว่า มันต้องเยอะน้อยแค่ไหนกันนะ ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์ระหว่างเขากับเรายังไง แบบไหนที่เวิร์ค ต้องเรียนรู้ว่าควรแบ่งเวลาอย่างไร ให้เวลาเขาเท่าไร ให้เวลาเราเท่าไร ไอซมองว่าการ balance ไม่ได้ท้าทายแค่กับไอซพาดี้อย่างเดียว แต่ท้าทายกับทุกคนที่เป็นแม่ ซึ่งไอซก็ใช้เวลานานมาก ๆ ในการฟอร์มชีวิตใหม่ของตัวเอง หาสูตรที่ลงตัวอยู่สักพักหนึ่งเลย
แต่พอมีลูกคนที่สอง ความท้าทายนั้นก็กลับมาอีก ?
พอมีลูกอีกคนปัญหาก็กลับมาอีก คือเราเป็นนักจัดการ พอเราจัดการทุกอย่างเข้าที่ปุ๊บ เราก็พร้อมที่จะมีลูกคนที่สองแล้ว เราเชื่อว่าเราเข้าใจและ balance สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ แต่ถ้าใครคิดว่ามีลูกคนที่สองจะเหมือนลูกคนแรก ไม่ใช่เลยค่ะ มันก็คือสูตรใหม่ ความท้าทายกลับมาอีกครั้ง มันมี condition ของลูกคนโต-คนเล็ก ไหนจะเวลาของเรา และจำนวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอีก ไอซว่ามันคือ ‘การเกิดใหม่พร้อมกับลูกอีกหนึ่งครั้ง’ ค่ะ
ความแตกต่างระหว่างการเลี้ยงวีว่า (ลูกคนแรก) กับเวก้า (ลูกคนที่สอง)
ต้องบอกก่อนว่าไอซไม่เคยเลี้ยงลูกคนอื่น แต่สำหรับไอซ วีว่าและเวก้าเลี้ยงง่าย ไม่รู้ว่าเขาง่ายด้วยตัวของเขา หรือเขาง่ายด้วยจิตของเราที่คิดว่า “ฉันอยากจะเป็นแม่เสียเหลือเกิน” เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะรู้สึกท้าทายอย่างไร เราก็จะรู้สึกว่าเราพร้อมที่จะรับมือกับมัน แต่ถ้าถามว่าแตกต่างกันอย่างไร ไอซรู้สึกว่าเวก้า (ลูกคนที่สอง) เลี้ยงง่ายกว่าวีว่า (ลูกคนแรก) เพราะตอนเลี้ยงวีว่า ไอซจะมีคำถามเยอะมาก ไอซไม่เคยเป็นแม่ ไอซไม่รู้ว่าการเป็นแม่ต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าอาการนี้ปกติไหม หรือมันแปลกหรือเปล่า แล้วการเลี้ยงลูกของเรามันดีพอหรือยัง ยิ่งส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้าง perfectionist และตั้งใจสุด ๆ ก็เลยจะมีคำถามเต็มไปหมด แต่พอมาเลี้ยงเวก้าเราเริ่มรู้แล้วว่า บางอย่างก็ชิล ๆ เอาที่สะดวกได้ สรุปแล้ว เรารู้สึกว่า ‘การไม่รู้อะไรเลย’ เป็นความยาก เพราะมันจะมีความตื่นตระหนก หวาดกลัว ระแวดระวัง ซึ่งไอซเป็นแบบนี้ตอนเลี้ยงวีว่า จิตเราในตอนนั้นเลยไม่แข็งเท่าตอนเลี้ยงเวก้า
แนะนำวิธีการเลี้ยงลูก ฉบับ ICEPADIE
วิธีที่แนะนำคือเอาที่แม่สะดวก เอาที่แม่สบายใจ เอาที่แม่เป็นหลัก เพราะว่าลูกจะแฮปปี้ได้ต้องมาจากแม่ที่แฮปปี้ ลูกจะอารมณ์ดีก็มาจากแม่ที่อารมณ์ดี ลูกจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับแม่หมดเลย ไอซคิดว่าเด็กไม่ใช่ ‘ผ้าขาว’ แต่เป็น ‘ฟองน้ำ’ เขาซึมซับทุกอย่างที่เห็นหมดเลย เพราะฉะนั้นแม่ต้องเป็นต้นแบบให้ลูก ก็เลยคิดว่าอยากให้แม่มั่นคงและเป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดี แต่ไม่ต้องกดดันตัวเอง
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน การเลี้ยงลูกก็ท้าทายตามไปด้วย
ไอซรู้สึกว่ายุคนี้เด็กแข่งขันกันสูง หมายความว่ามันเห็นกันไปหมดเลยค่ะ สมัยก่อนเราไม่มีโซเชียลมีเดีย ไม่รู้ว่าแต่ละคนเติบโตมายังไง คนอื่นเขาไปเที่ยวไหนตอนปิดเทอม เรียนที่ไหน พ่อแม่เขาทำอะไร แต่งตัวอย่างไร ใส่เสื้อยี่ห้ออะไร แต่ในยุคสมัยนี้ไม่ใช่ บางคนอาจจะบอกว่าไม่ต้องไปสนใจสิโซเชียลมีเดียสิ ก็ไม่ได้อีก ไอซและทุกคนไม่รู้เลยว่าเด็กยุคนี้จะเติบโตมาอย่างไร จึงรู้สึกว่านี่คือความท้าทายของการเลี้ยงลูกในยุคนี้ เพราะมันช่าง ‘คาดเดาไม่ได้เสียเหลือเกิน’
ในยุคแห่งเทคโนโลยี คุณไอซมีความกังวลว่าลูกจะติดโทรศัพท์หรือไอแพด จนไม่คุยกับพ่อแม่หรือเปล่า
ไอซไม่มีความกังวลตรงนี้นะ มันอยู่ที่ว่าเราจะเลี้ยงลูกยังไง แล้วเราใช้แท็บเลตในการทำอะไร ถ้าเกิดว่าเราให้แท็บเลตเขา แล้วให้เขาไปอยู่กับแท็บเลต แน่นอน ลูกก็จะไม่คุยกับคุณละ เพราะเขารู้สึกว่าเขาคุยกับมือถือได้ แต่สำหรับไอซ มือถือหรือว่าแท็บเลตเป็นเหมือน ‘ตัวช่วย’ คล้ายหนังสือนิทานในสมัยก่อน แต่ว่าเราไม่เคยปล่อยให้เขาไปอยู่กับสิ่งนี้ด้วยตัวของเขาเอง ไอซจึงไม่ได้กลัว แต่ ‘ตระหนัก’ ว่าการที่จะเลี้ยงเด็กให้ได้ในยุคนี้ ‘ตัวตน’ ของเขาเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าถ้าไม่มีความแตกต่าง ไม่มีความปัจเจก ทุกอย่างก็จะเหมือน ๆ กันไปหมด ดังนั้นแล้ว ตัวตนของเขาต้องมั่นคงว่า เขาเป็นใคร ทำอะไรอยู่ ความชอบของเขาเป็นยังไง เขาคิดอะไร เพื่อไม่ให้ถูก AI หรือเทคโนโลยีกลืนกินไป
อยากให้ลูกมองเราเป็นแม่แบบไหน
อยากให้มองเป็น ‘เพื่อน’ แบบสนิท พูดคุยได้ โตไปด้วยกัน sharing กัน มีแพลนว่าพอวีว่าและเวก้าโตขึ้น เราก็จะสตาฟตัวเองเอาไว้ให้เป็นเพื่อนกับเขาได้
พอได้มาเป็นแม่แล้ว มองความหมายของคำว่า ‘แม่’ ต่างออกไปจากตอนที่เราเป็นลูกอย่างไรบ้าง
คิดว่าต่างไปเยอะมากเลย ตอนที่เราเป็นลูก เราอยาก ‘เป็นคนที่เก่ง’ เพราะไอซเห็นว่า ‘หม่าม้าเป็นคนที่เก่ง’ เฉียบคมทั้งในบ้านและนอกบ้าน แต่พอเรามาเป็นแม่ปุ๊บ เราพบว่าการเป็นแม่มัน ‘ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น’ แต่ก่อนไอซไม่เคยรู้สึกว่าแม่ทำอะไรให้เรามากมาย เพราะเขาดูไม่ลำบากในการทำอะไรให้เรา แม่ทำอาหารให้กิน ไปรับไปส่ง ทำอะไรมากมายเหมือนกับว่าเขาทำให้เราเป็นปกติ แต่พอเรามาอยู่จุดนี้ จุดที่ต้องดูแลใครสักคน เรารู้สึกว่าการที่สามารถทำได้ครบแบบที่แม่เราทำให้เรามันเยอะนะ แต่แม่ก็สามารถทำได้ดีมาก ๆ เลยแฮะ พอเปรียบเทียบกันแล้ว เราก็เลยรู้สึกเทิดทูนแม่ยิ่งกว่าเดิม ขอบคุณที่เขาเลี้ยงเรามาอย่างดี เราก็คงได้รับสิ่งนี้มาเพื่อสานต่อไปให้ลูกของเรานั่นแหละ ไอซเองก็อยากเลี้ยงลูกให้ดีเหมือนกับที่คุณแม่เลี้ยงไอซมา
‘เราสอนลูก’ แบบที่ ‘แม่สอนเรา’—ความประทับใจที่มีต่อแม่ สู่แรงบันดาลใจในการเลี้ยงลูก
ตลอดทางที่ผ่านมาหม่าม้า inspire ไอซมาตลอด แต่ถ้าถามว่ามีเหตุการณ์ไหนที่ประทับใจแล้วทำให้เราเป็นคนในทุกวันนี้ ก็คือการที่หม่าม้า ‘ชอบสอน’ ต่อให้เราถูกหรือผิดเขาก็จะสอนเรา เลยคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของหม่าม้าที่มีมาสู่ไอซ ไอซเลยอยากจะสอนลูกให้ได้เหมือนที่เขาสอนไอซ แม้ว่าจะมีวิธีการคนละแบบก็ตาม รู้สึกว่าทุกครั้งที่หม่าม้าสอนไอซมันเข้ามาในตัวไอซมาก ๆ ไอซเป็นคนแบบในทุกวันนี้ได้ เพราะทุกบทเรียนที่เขาสอนมันเข้าไปในตัวเรา
‘หนังภาคใหม่’ ของคุณไอซ อาจไม่สมบูรณ์หากไม่มี ‘คุณแม่’
แม่สำคัญมาก แม่อยู่ทุกซีนเลย อย่างลูกคนแรก ไอซให้นมแม่สำเร็จได้ก็เป็นเพราะหม่าม้า หม่าม้าเขาจะสอนว่า “ต้องให้นมแม่เท่านั้น” เอาจริง ๆ ตอนแรกไอซไม่ได้คิดภาพชัดว่าต้องให้นมยังไง แต่พอเขาสั่งมา เราก็ทำตาม แล้วก็เลยให้นมลูกได้สำเร็จ ที่พูดประเด็นนี้เพราะถ้าใครได้มีโอกาสเป็นแม่จะรู้ว่าการให้นมลูกมันยากมาก มันเป็นอีก 1 stage ที่ต้องกดดัน เพราะฉะนั้นการมีคุณแม่มาเป็นโค้ชทำให้เราสู้ต่อไปได้ นอกจากนี้พอไอซมีลูก หม่าม้าก็ดูแลไอซดีมาก เขาบอกไอซเสมอว่า “เขาอยากดูแลไอซให้ดี ๆ เพื่อให้ไอซมีแรงไปดูแลลูก” ตอนเรามีลูก เขาก็มาอยู่บ้านกับเราเลย มาดูแลเรา ทำอาหารให้เรากิน ต้มตุ๋นอะไรต่อมิอะไรที่เขารู้สึกว่าดี เราเมื่อยเขาก็ช่วยนวดให้ ตอนเช้าเราง่วงเขาก็มารับลูกเราไปเดินสูดอากาศ ระหว่างวันเขาก็จะมาช่วยอุ้มลูก ทำนู่นทำนี่ คือในวันที่เด็กเขาเล็กมาก ๆ แล้วเรายังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง การมีคุณแม่มาช่วยไอซว่ามันสำคัญมาก ๆ พอมองย้อนกลับไป ถ้าไม่มีเขาเราจะอาจจะแย่ เพราะว่าเขาช่วยเราได้เยอะจริง ๆ ทั้งในแง่การกระทำและทางจิตใจด้วย
ถ้าเช่นนั้น นิยามความหมายของคำว่า ‘แม่’ ในแบบของคุณไอซคืออะไร
คือ ‘guildance’ คนที่นำทางเรา อาจไม่สามารถนิยามออกมาเป็นถ้อยคำได้ แต่ถ้าให้อธิบายเป็นภาพ ไอซเห็นว่าแม่คือแสงสว่างที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า ทั้งนำทางและโอบกอดเราไว้ด้วย
มองตัวเองกับลูก กับคุณแม่ กับคนรอบตัวในอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าไว้อย่างไรบ้าง
ปกติเราจะมี New Year’s Resolutions เราจะเขียน recap ประจำปี ทุก ๆ ปีไอซจะเขียนว่า ขอบคุณที่ครอบครัวไอซแข็งแรง ไม่มีใครป่วย ไม่มีใครเป็นอะไร และยังอยู่ด้วยกัน ไอซอยากให้อีก 10 ปีข้างหน้าทุกคนยังอยู่ด้วยกันแบบนี้ ให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เติบโตอย่างดี ซึ่งหมายถึงว่าไอซไม่ได้อยากให้ระหว่างทางของการเติบโต มีอะไรมาเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นใครสักคนที่เราไม่รู้จัก อยากให้คุณพ่อคุณแม่ของไอซสุขภาพแข็งแรง อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปนาน ๆ อยากให้ทุกคนรอบตัวมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองเลือก หรือสิ่งที่ตัวเองทำ
ถ้าวันหนึ่งลูกได้มาอ่านบทความนี้ อยากฝากอะไรถึงลูก
ขอบคุณวีว่าและเวก้าที่เกิดมาเป็นลูกของหม่ามี้ ไม่รู้ว่าวันที่วีว่ากับเวก้าได้มาอ่าน พวกหนูจะกี่ขวบ แต่อยากจะบอกว่าในช่วงวัยนี้ ในช่วงเวลาที่วีว่า 3 ขวบ และเวก้า 11 เดือนกว่า เป็นวัยที่พวกหนูน่ารักกันมาก ๆ เป็นยาใจ เป็นเหมือนก้อนความสุขของหม่ามี้ ไม่ว่าหม่ามี้จะเหนื่อย จะเครียดกับอะไรก็ตาม ไม่ว่าโลกนี้จะเป็นยังไง หนูทั้งสองคนเป็นคนที่ทำให้หม่ามี้มีกำลังใจและมีความสุขในทุก ๆ วัน หม่ามี้รู้สึกดีใจและพราวด์มาก ๆ ที่ได้เป็นแม่ของวีว่ากับเวก้า รอยยิ้มแววตาของวีว่า เสียง ตา ผิว ของเวก้า ทุกอย่างของหนูมันคือความภูมิใจของหม่ามี้หมดเลย หม่ามี้จะคอยดูวันที่หนูเติบโตและจะคอยซัพพอร์ตอยู่ตรงนี้เสมอ
อยากฝากอะไรถึงคุณแม่
ไอซไม่รู้ว่าในสายตาหม่าม้า ไอซดื้อหรือเปล่า แต่ว่าทุกคำสอนของหม่าม้าไอซเก็บมาทำจริง ๆ ขอบคุณหม่าม้าที่เลี้ยงและสอนไอซมาอย่างดีมาก ๆ ทำให้ไอซเป็นไอซในทุกวันนี้ หม่าม้าคงไม่รู้ว่าตัวเองสร้างพลังให้แก่ไอซแค่ไหน แต่พลังที่หม่าม้าส่งมาถึงไอซ ที่หม่าม้าดูแลไอซคนนี้มา มันส่งต่อให้คนอื่นได้มากมายด้วย ทั้งหมดที่ไอซเป็นมันเป็นเพราะหม่าม้าเลย ขอบคุณหม่าม้ามาก ๆ
จากแม่ถึงแม่–ข้อความจากคุณไอซ แด่แม่ทุกคน
ยินดีด้วยค่ะที่คุณกำลังจะได้เป็นคุณแม่ ไอซรู้สึกว่ามันเป็นบทบาทที่มีคุณค่ามาก ๆ และรู้สึกว่าชีวิตนี้ที่เกิดมา แล้วได้มีโอกาสเป็นคุณแม่ ไอซ success ในการมีชีวิตอยู่มาก ๆ และรู้สึกว่าไม่มีบทเรียนไหนที่จะให้เหมือนกับการเป็นแม่ได้เลย ขอให้แม่ทุกคนมีกำลังใจที่ดี เชื่อในตัวเอง และเข้มแข็งกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น สุดท้ายนี้ไอซยินดีด้วยนะคะ ลูกคุณจะต้องน่ารักแน่ ๆ
Author : ปุณยนุช มงคลฉายา