พรรคส้มอย่าเหลิง
ข่าวร้อนๆ
อ่านไม่ดีระวังลวกตา!
สันดานพรรคการเมืองนี้มันเป็นแบบนี้แหละครับ
วานนี้ (๑ กันยายน) มีข่าวใหญ่ยิ่งกว่าข่าว "อนุทิน" จะเป็นนายกฯ
คือข่าวคราวของ "ชัยเกษม นิติสิริ" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย
ต้นโพสต์มาจาก "เสถียร วิริยะพรรณพงศา" ผู้ประกาศข่าว PPTV โพสต์เฟซบุ๊ก “Satien Viriyapanpongsa” เรื่องที่นักข่าว PPTV โทร.ไปสัมภาษณ์ "ชัยเกษม" ถึงสาเหตุไม่เดินทางไปร่วมเจรจากับพรรคประชาชน เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ที่ผ่านมา
“…ทีมข่าว PPTV โทร.หาชัยเกษม ถามว่าทำไมไม่ไปเจรจากับพรรคส้ม ท่านบอก ไม่เห็นมีใครชวน…”
จากนั้นได้โพสต์เพิ่มเติมว่า
“…เมื่อเช้าถาม เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่าทำไม อ.ชัยเกษม ไม่ไปคุยเอง ท่านบอกว่าคนเป็นแคนดิเดตนายกฯ มีภารกิจเยอะที่ต้องเตรียมตัว…”
หากต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างมีสง่าราศี "ชัยเกษม" ควรยืนยันคำพูดตัวเองครับว่า "ไม่เห็นมีใครชวน" จนกว่าจะมีคนมาชวน
อย่าแก้ข่าวเพื่อไว้หน้าใครบางคน
ปฏิบัติตนให้สมกับเป็นลูกจ้างประชาชน
ไม่ใช่ลูกน้องทักษิณ
ครับ…พรรคเพื่อไทยโดยการบงการของ "ทักษิณ" ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ให้ค่าคนในพรรคไม่ต่างจากลูกจ้างในบริษัท
ห้ามคิด ห้ามเสนอ ให้ฟังแล้วทำตามอย่างเดียว
ได้ฟังอย่างนี้แล้ว หากพรรคส้มยอมรับได้ ก็เตรียมตัว เป็นพวกหน้าโง่ซ้ำซาก
มันเป็นเรื่องตลกร้ายทางการเมือง ก็เรื่องที่ "ภูมิธรรม" ขู่จะยุบสภานั่นแหละครับ
น่าจะกู่ไม่กลับแล้ว สติหลุดจากตัวไปหมดแล้ว
ขู่ใครครับ?
อยากยุบก็ยุบเลย
ที่วุ่นวายอยู่ตอนนี้ก็เพราะ "แพทองธาร" ไม่ยอมยุบเสียตั้งแต่คลิปวุ้นเส้นโผล่มา
ตั้งแต่วันนั้น พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย เขาบอกให้ยุบสภา
วันนี้ยุบสิครับ
ไม่น่าเชื่อครับ "ภูมิธรรม" เมาหมัดอย่างหนักถึงขั้นขู่ตัวเองเรื่องยุบสภา
ลองยุบดูครับ เพราะจะเป็นครั้งแรกที่ผู้ดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำความขึ้นกราบบังคมทูล และนำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
และแน่นอนครับต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย หากการกระทำนั้น ระคายเบื้องพระยุคลบาท
หาก "ภูมิธรรม" พร้อมแล้วก็เชิญยุบสภา
เอาให้ไว
สำหรับพรรคส้ม อย่าคิดว่าตัวเองถือแต้มต่อ ที่พรรคอื่นต้องง้อ ยื่นเงื่อนไขบังคับให้พรรคที่อยากเป็นนายกฯ ต้องทำตาม
ไปดูเงื่อนไข ๓ ข้ออีกครั้งครับ
๑.นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องยุบสภาผู้แทนราษฎรภายใน ๔ เดือน ตั้งแต่ที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
๒.คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินวันก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
๓.พรรคประชาชนยืนยันที่จะไม่ร่วมรัฐบาล และทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่อย่างเต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรคประชาชน ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีนี้
ข้อหนึ่งควรเป็นข้อเสนอเดียวด้วยซ้ำ เพราะสถานการณ์แบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ทุกพรรคการเมืองต้องคืนอำนาจให้ประชาชน
ให้ไปเลือกตั้งกันใหม่
แต่มีเงื่อนไขข้อที่ ๒ ตามมา
พรรคส้มมั่นใจได้อย่างไรว่า ประชาชนส่วนใหญ่อยากได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน แสดงให้เห็นแล้วว่า ผู้นำที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต หรือ กระทำการละเมิดจริยธรรมร้ายแรง นั้นต้องพ้นจากตำแหน่ง
มิหนำซ้ำพรรคส้มยืนกรานมาตลอดว่า หากแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะฉีกคุณสมบัติรัฐมนตรี ประเด็นความซื่้อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ละเมิดจริยธรรมร้ายแรงทิ้ง
คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ
นี่้จึงเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจของพรรคส้ม ที่นำเอาประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างในสังคม มาเป็นเงื่อนไขหลักเพื่อสนองทิศทางทางการเมืองของพรรคตัวเอง
ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า "ระยำ"
อยากให้นักการเมืองรุ่นหลัง กลับไปศึกษาเหตุผลในการยุบสภาของ "บรรหาร ศิลปอาชา" แล้วจะรู้ว่าการเมืองในอดีตที่โจมตีกันว่า ไดโนเสาร์เต่าล้านปีนั้น แท้จริงแล้วยังมีสปิริตมากกว่าการเมืองในปัจจุบันมากโขครับ
๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ "บรรหาร" ประกาศพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองไปให้ประชาชน
พร้อมมีแถลงการณ์ในการยุบสภาผู้แทนราษฎรที่สำคัญว่า
"…ผมต้องการจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่การดำเนินการไม่อาจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเชื่อว่าการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลผสมหลายพรรคจะนำไปสู่ความขัดแย้งและปัญหาทางการเมือง ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรง
หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นชนวนให้เกิดปัญหาความไม่น่าเชื่อมั่นในระบบและกลไกของรัฐ อันเป็นอันตรายต่อการปกครองแบบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาในที่สุด…"
จะมีนักการเมืองกี่คนที่อยู่ในอำนาจแล้วคิดแบบนี้
มันสะท้อนครับว่า การเมืองไทยนับวันยิ่งแย่ลง รักษาแต่ผลประโยชน์ตัวเอง อ้างว่าเป็นผลประโยชน์ของประชาชน
การเมืองปัจจุบันถนัดแต่การสุมไฟ
แทบหาคนดับไฟไม่เจอ.