อีคอมเมิร์ซแข่งส่งด่วน! แต่ ‘ลาซาด้า’ ย้ำ ยังไม่บังคับร้านค้าให้ส่งในวันเดียว แต่รับกำลังศึกษาโมเดลใหม่
“ในอดีต เวลาพูดถึง ‘ความคุ้มค่า’ ผู้บริโภคอาจจะโฟกัสแค่เรื่องราคาเป็นหลัก แต่ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยจะมองความคุ้มค่าแบบองค์รวมมากกว่าแค่ราคาถูก และต้องเป็นสินค้าที่มาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงยาวนาน เป็นแบรนด์แท้เชื่อถือได้ และต้องมีคุณภาพที่ใช้งานได้ในระยะยาว” วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าว
อีกหนึ่งอินไซต์ที่น่าจับตามอง คือ ในช่วงที่ผ่านมา เทรนด์ ‘ส่งเร็วส่งด่วน’ กลับมาเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้น ถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการส่งฟรี หรือส่งถูกเป็นหลัก แต่เมื่อบริบทการช้อปออนไลน์ในปัจจุบันเปลี่ยนไป ส่งฟรีอย่างเดียวไม่พอแล้ว เพราะสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือ ต้องการได้รับสินค้ารวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ปัจจุบันลาซาด้าก็ถือว่าส่งสินค้าได้เร็ว โดยคำสั่งซื้อของกว่า 95% สามารถส่งถึงมือลูกค้าได้ภายในวันถัดไป ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ลูกค้าคาดหวัง ดังนั้นในฐานะแพลตฟอร์ม จึงไม่เพียงแค่ต้องแข่งขันเรื่องโปรโมชั่นหรือราคาคุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังต้องพัฒนาศักยภาพด้านการจัดส่งไปพร้อมกันอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- แม่ทัพคนใหม่ของ Lazada มอง การเข้ามาของ Temu อาจทำให้การแข่งขันดุเดือดขึ้น แต่ลูกค้าคือผู้ได้ประโยชน์
- Lazada เผย ผู้ขายไทย 7 ใน 10 ราย ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมในการใช้ AI ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
- ลาซาด้า ทุ่ม 100 ล้านดอลลาร์ เปิดตัว Affiliate โฉมใหม่ เพิ่มค่าคอมมิชชัน ดันอินฟลูทำรายได้
สำหรับภาพรวมยอดขายบน LazMall เติบโตขึ้นกว่า 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มูลค่าคำสั่งซื้อเฉลี่ยต่อหนึ่งตะกร้าอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท
ส่วนหมวดสินค้าขายดี คือหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ เพราะการซื้อสินค้าประเภทนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน แต่ยังคำนึงถึงความทนทาน อายุการใช้งาน และบริการหลังการขาย ตามด้วยกลุ่มเครื่องสำอางและหมวดความงามเติบโตขึ้นกว่า 40%
ทิศทางต่อไปของลาซาด้า จะนำ AI เข้ามามีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งาน ทั้งในด้านการบริการและบริหารจัดการแพลตฟอร์ม และอีกหนึ่งกลยุทธ์คือการ นำร่องโมเดล B2B ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการด้วยสินค้ากว่า 15,000 รายการ
รวมถึงการทุ่มงบแจกคูปองส่วนลดเพิ่มขึ้นกว่า 45% ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายในช่วงเมกะแคมเปญและเทศกาล Double Digit เติบโตสูงถึง 300% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติ และเตรียมยกระดับบริการจัดส่งพิเศษภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับออเดอร์ที่สั่งซื้อก่อนเที่ยงวันในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่า ลาซาด้า จะมีนโยบายบังคับให้ร้านค้าจัดส่งสินค้า ‘ภายในวันเดียวกันเหมือนกับมาร์เก็ตเพลซเจ้าอื่นหรือไม่’ ในกรณีที่สั่งออเดอร์มาหลัง 11.00 น.
วาริสฐา ปฏิเสธว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายดังกล่าว เพราะปกติแล้วกระบวนการส่งสินค้า ถ้าคำสั่งซื้อมาก่อน 11.00 น. จะให้ส่งภายในวันเดียวกัน แต่ถ้าคำสั่งซื้อมาหลัง 11.00 น เป็นต้นไป ก็สามารถส่งภายในวันถัดไปได้
“ปัจจุบันคำสั่งซื้อ 95% ที่เข้ามาในลาซาด้าจะจัดส่งในวันถัดไปอยู่แล้ว และบริษัทยังไม่มีนโยบายให้ร้านต้องจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวกันกับคำสั่งซื้อ”
ขณะเดียวกันก็มองว่านโยบายดังกล่าวอยู่ในช่วงศึกษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซต้องปรับตัวตามความคาดหวังของผู้ใช้งาน เพราะถ้ายิ่งส่งเร็วลูกค้าก็จะพึงพอใจมากขึ้น จากแต่ก่อนอยากได้ค่าส่งถูก มาวันนี้จากที่ส่งเร็วอยู่แล้วก็อยากให้ส่งด่วนมากขึ้นไปอีก
แต่ต้องมองอีกมุมว่าถ้ากำหนดให้ร้านค้าส่งสินค้าภายในวันเดียวกันกับออเดอร์ ผู้ขายหรือร้านค้าต้องทำงานหนักขึ้น ถ้าจะทำก็ต้องหาจุดบาลานซ์สำหรับแพลตฟอร์มให้ได้
ด้านค่าธรรมเนียมการขาย ในอนาคตจะมีการปรับขึ้นอีกหรือไม่ วาริสฐา ระบุว่า จะต้องพิจารณาตามสภาพตลาด แม้ที่ผ่านมาจะมีการปรับขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างผ่านการพิจารณาไตรตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว และทุกครั้งที่มีการเพิ่มค่าธรรมเนียมก็เพื่อเพิ่มประสบการณ์ทั้งผู้ซื้อหรือผู้ขายให้ดีขึ้นกว่าเดิม
สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกคนก็ต้องปรับตัว แม้ภาวะเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อของทางออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ อาจจะเป็นเพราะความสะดวกและราคาที่คุ้มค่ามากกว่า มองว่าอีกไม่นานคงเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของค้าปลีก
ขณะที่มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยปี 2024 อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท ประเทศไทยเป็นตลาดที่โตเร็วที่สุดในภูมิภาค และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยจะมีมูลค่าแตะ 2 ล้านล้านบาท ส่วนปัจจัยที่ทำให้โต ก็เริ่มมาจากช่วงโควิดระบาด ผู้คนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตจำนวนมากเปิดใจซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นถึง 68
โดยปัจจุบันการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ 67% ขับเคลื่อนด้วยมาร์เก็ตเพลซ และนักช้อปไทยซื้อสินค้าออนไลน์มากที่สุดในโลก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ครองสัดส่วน 62% ของตลาด ขณะที่กลุ่ม Gen X ครองสัดส่วน 33%
ภาพ: onapalmtree / Shutterstock