สรุป 9 เรื่องต้องรู้ TouristDigiPay เปิดทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ “แลกคริปโตฯ เป็นบาท” ทำไปทำไม?
ในช่วงที่ผ่านมา มีประกาศออกมาต่อเนื่องว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เตรียมเปิดตัว Sandbox ที่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแลกสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เป็นเงินบาท เพื่อที่จะนำมาใช้จ่ายในระหว่างการท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งนี้เล็งเห็นว่าเป็นแนวทางที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คึกคักต่อเนื่อง
ซึ่งเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ก็ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยโครงการนี้มีชื่อว่า “TouristDigiPay” เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในระยะสั้นสามารถชำระเงินสินค้าและบริการได้สะดวกขึ้น และยังช่วยหนุนให้ร้านค้ารายย่อยมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า “ไม่แน่ใจว่าจะเคลมได้ไหมว่าแห่งแรกในโลก ที่ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาท โดยไม่ได้นำมาใช้จ่ายโดยตรง (ไม่ได้เป็น Means of Payment) และยังเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. และธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นชอบ”
“ปัจจุบันนี้จะเห็นว่าผู้คนหันมาครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น จึงเป็นที่มาให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมา คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้บริการและร้านค้า ซึ่งจะช่วยให้การท่องเที่ยวเติบโตต่อไป” พิชัย ชุณหวชิร กล่าว
Thairath Money จะขอสรุปเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับโครงการ “TouristDigiPay” ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีไว้ทำไม และจะช่วยคนไทยอย่างไรบ้าง?
1. โครงการ “TouristDigiPay” เป็นโครงการ Sandbox ที่ต้องการจะทำให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยง่ายขึ้น จากเดิมที่สามารถใช้จ่ายได้ผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีธนาคาร ตลอดจนเงินสด โดยจะต้องทำการแลกเป็นเงินบาทและนำมาใช้จ่ายตามร้านค้าหรือบริการต่าง ๆ แต่โครงการนี้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ถือสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) สามารถแลกสินทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินบาทได้ และสามารถนำมาใช้จ่ายต่อได้ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการเพิ่มแหล่งที่มาของเงินต้นทางก่อนแลกเป็นเงินบาท เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีตัวเลือกมากขึ้น
2. ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง อธิบายที่มาของโครงการนี้ ว่าเป็นการต่อยอดมาจาก Phuket Sandbox ที่เคยเปิดให้แลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทและนำมาซื้อขายสินค้าและบริการในจังหวัดภูเก็ตได้ มองว่าควรจะขยายพื้นที่ออกไปให้กว้างขึ้น ทำให้เกิดโครงการนี้ขึ้นมาให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายได้ทั่วประเทศ โดยจะกำหนดระยะเวลาไว้ที่ 18 เดือนให้ทดลองใช้งาน
3. ขั้นตอนการใช้งานสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีดังนี้
- เมื่อมาถึงไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเปิดบัญชีกับผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ได้ โดยจะต้องทำ KYC เพื่อเปิดบัญชีกับผู้ให้บริการฯ ของไทย
- เมื่อเปิดบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้ว ก็สามารถโอนสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีเข้าไปบนแพลตฟอร์มได้ และสามารถขายสินทรัพย์เพื่อแลกเป็นเงินบาทได้ (ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จะขึ้นกับแพลตฟอร์มที่ให้บริการ)
- หลังจากได้รับเงินบาทแล้ว ก็จะต้องทำการเปิด Tourist Wallet กับผู้ให้บริการ e-Money (ส่วนนี้จะมีการเชื่อมต่อข้อมูล KYC ให้) และก็สามารถโอนเงินบาทเข้า e-Money ได้
- หลังจากมีเงินใน Tourist Wallet แล้วก็จะสามารถสแกนจ่ายกับร้านค้าต่าง ๆ ได้ทั่วประเทศ ทั้งร้านเล็กใหญ่
4. แม้จะเปิดให้แลกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเงินบาทได้ แต่จะมีการจำกัดวงเงินการใช้จ่ายอยู่ที่
- ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน ในกรณีที่ใช้จ่ายกับร้านค้ารายย่อย
- ไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน ในกรณีที่ใช้จ่ายกับร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ KYM (Know Your Merchant)
อย่างไรก็ตาม หากโครงการทดลองรอบนี้ประสบความสำเร็จ มีโอกาสที่จะสานต่อและเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายให้สามารถทำธุรกรรมกับสินค้าใหญ่ ๆ อย่างอสังหาริมทรัพย์ได้
5. ในกระบวนการแลกเงินบาทกลับคืนไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถนำเงินที่เหลือในบัญชี e-Money มาแลกคืนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านช่องทางที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการ เมื่อแลกแล้วก็จะโอนสินทรัพย์ดิจิทัลกลับไปยังกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจะต้องเป็นกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเดียวกับที่โอนสินทรัพย์ดิจิทัลฝากเข้ามา
6. โครงการนี้ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นผ่านทางสำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว ลำดับต่อไปจะเป็นช่วงของการวางกฎเกณฑ์มาตรการต่าง ๆ ตลอดจนเริ่มต้นรับสมัครผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม และคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2568 ต่อไป
7. แล้วร้านค้าต้องปรับตัวแบบไหน? พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. ให้คำตอบว่า “นี่เป็นโครงการที่ต่อยอดจากอีโคซิสเต็มเดิมที่ไทยมี ทั้งระบบการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ใต้การดูแลของ ก.ล.ต. และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย” ดังนั้น ร้านค้าแค่มีระบบรับชำระอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง QR Code ให้ลูกค้าสแกนก็เพียงพอ
8. กระบวนการทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของทั้ง ก.ล.ต., ธปท. ตลอดจน ปปง. เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต หรือที่หลายคนกังวลเรื่องการฟอกเงิน โดย เทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปปง. มีกลไกดูแลที่เข้มข้น และโครงการนี้มีการจำกัดวงเงินในการใช้จ่าย
9. ในภาคการท่องเที่ยว เศกสันฐ์ ง้าวสุวรรณ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มองว่า นี่นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้
ด้าน พิชัย ชุณหวชิร กล่าวทิ้งท้ายว่า โครงการนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในระยะสั้น ๆ ซึ่งไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ ทำให้การใช้จ่ายมีข้อจำกัด อย่างร้านค้าเล็ก ๆ ที่ไม่อาจจะรับชำระผ่านบัตรเครดิตได้ ทำให้ร้านเหล่านี้สูญเสียโอกาส และโครงการนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวอยากเพิ่มการใช้จ่ายอีกราว 10% อีกด้วย
ติดตามเพจ Facebook: Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สรุป 9 เรื่องต้องรู้ TouristDigiPay เปิดทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ “แลกคริปโตฯ เป็นบาท” ทำไปทำไม?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุป 9 เรื่องต้องรู้ TouristDigiPay เปิดทางนักท่องเที่ยวต่างชาติ “แลกคริปโตฯ เป็นบาท” ทำไปทำไม?
- เปิดประตูเศรษฐกิจดิจิทัล Sandbox แลกคริปโตเป็นเงินบาทสร้างโอกาสใหม่ให้ไทยยังไง?
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath