'จตุพร' ปลุก 'ลางานเพื่อชาติ' ม็อบ 21 ส.ค.หน้าสภา เลิก MOU43-44
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก ระบุถึงการนัดหมายชุมนุมของ "คณะรวมพลังแผ่นดิน" บริเวณหน้ารัฐสภา ในวันที่ 21 ส.ค. 2568 เวลา 10.00 น. โดยใช้กิจกรรมว่า "ลางานเพื่อชาติ" พบกันหน้ารัฐสภายกเลิก MOU 43 MOU 44
อนึ่ง นายจตุพร เฟซบุ๊กไลฟ์รายการ "ประเทศไทยต้องมาก่อน" เมื่อ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า คณะรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมหน้ารัฐสภา วันที่ 21 ส.ค.นี้ เพื่อสนับสนุนญัตติยกเลิก MOU 43-44 และกระตุ้นให้นักการเมืองทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยแผ่นดิน สิ่งสำคัญ นิด้าโพล สำรวจความนิยมของนักการเมือง โดยสะท้อนว่า กว่า 60 % (ไม่ค่อยพอใจ 32.29 % กับ ไม่พอใจเลย 28.24 %) ไม่พอใจนักการเมือง ซึ่งแสดงถึงวิกฤตศรัทธามาแรงและสิ้นหวังกับนักการเมืองไทย จึงสุ่มเสี่ยงที่สุดกับอำนาจอื่นหรือส่อถูกรัฐประหารเข้ามาจัดการอีก
“แต่เราปรารถนาให้แก้ไขตามวิถีทางประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไม่ใช่ประชาธิปไตยจอมปลอมในทุกวันนี้ ซึ่งจะถูกประชาชนลุกขึ้นมาสั่งสอนนักการเมืองพวกใช้ไม่ได้ เมื่อผลโพลอธิบายให้เห็นชัดเจนว่า พรรคที่เคยได้รับความนิยม ประชาชนจะไม่นิยม เพราะประชาชนไม่ได้เป็นของตายของใครอีกต่อไปแล้ว” นายจตุพร กล่าว
ส่วนคณะรวมพลังแผ่นดินชุมนุม 21 ส.ค. ที่ลานประชาชนหน้ารัฐสภานั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถือเป็นนัดพิเศษก่อนชุมนุมใหญ่(ม็อบ) เพื่อสนับสนุนญัตติให้ยกเลิก MOU 43 และ 44 เพราะสุ่มเสี่ยงกับอธิปไตยของไทย นอกจากนี้ที่ผ่านมาการเจรจาตาม MOU ดังกล่าว ยังมีการละเมิดกว่า 600 ครั้ง ซึ่งไทยทำได้เพียงทำหนังสือประท้วง ที่สำคัญรัฐบาลไม่เคยแสดงท่าทีอะไรชัดเจนกับการปกป้องชาติบ้านเมืองเลย
“เมื่อ (MOU) เป็นแนวทางสุ่มเสี่ยงแล้ว ก็ไม่ควรดำรงอยู่ต่อไป เพราะกรณีพิพาทบนบกก็เป็นชนวนสู้รบกัน จนวันนี้ไม่รู้ว่า ปัญหาดินแดนจะอยู่กันสภาพอย่างไร ส่วนทางทะเลถ้าไม่มีการชุมนุมคัดค้านกันคงแบ่งผลประโยชน์ 50 ต่อ 50 กันไปแล้ว ดังนั้นเมื่อข้อตกลงใดๆ ไม่ได้รับการปฏิบัติแล้ว จะเก็บไว้ทำไม” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า แม้พรรคภูมิใจไทยเสนอญัตติให้ยกเลิก MOU 43 และ 44 ส่วนภาคประชาชนจะยื่นหนังสือเรียกร้องให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา หรือส่งให้รัฐบาลพิจารณา หรือหากสภาตีตก ซึ่งจะเป็นตราประทับว่า สภาไม่รู้ไม่เห็นในเรื่องราวเหล่านี้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ คณะรวมพลังแผ่นดินกระตุ้นให้สภาแสดงออกในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่ให้อยู่แบบลอยหน้าลอยตากันและไม่ยุ่งเกี่ยวกับอธิปไตยของแผ่นดินจนเป็นปัญหาการรบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในห้วงสถานการณ์ร้อนทางการเมืองกรณีคดีพัวพันพ่อ-ลูก ชินวัตร ซึ่งศาลนัดวันที่ 21-22-29 ส.ค.และต่อเนื่องชี้จาดคดีชั้น 14 วันที่ 9 ก.ย. แม้มีข่าวสารล็อบบี้ให้รอดคดี แต่เชื่อว่า แต่ละองค์กรจะยึดมั่นการทำหน้าที่ในนามพระปรมาธิไธย
“เราไม่กลัวว่า แต่ละคดีถูกตัดสินให้รอดหรือไม่รอด เพราะสังคมจะมีคำตอบให้ประเทศ ส่วนแผนกอวยว่าประเทศจะขาดนายกฯ คนนี้ไม่ได้ หรือการปลอบใจตัวเองว่า พรรคเพื่อไทยยังมีแคนดิเดตนายกฯ เหลืออีกหนึ่งคน ก็อวยกันไป” นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า ถ้าคำวินิจฉัยของศาลออกมาเป็นลบแล้ว เมื่อถึงการเลือกตั้งใหม่ พรรคการเมืองที่เป็นหลักย่อมถูกแรงต้านจากสังคม ดังนั้น ยิ่งใกล้วันศาลจะตัดสินคดี ประชาชนควรทำจิตใจให้ร่มๆ กันไว้ เพราะบ้านเมืองจะเกิดชะตากรรมเช่นไร ล้วนมีคำตอบในเส้นทางต่อไปทั้งสิ้น
ส่วนกรณีคลิปเสียง นายกฯอุ๊งอิ๊งกับอังเคิลฮุนเซน นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อนายกฯ ยอมรับได้พูดจริงตามเนื้อหาแล้ว จึงขึ้นอยู่กับศาล รธน.จะวินิจฉัยว่า การพูดเช่นนั้นมีความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่
“เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็เป็นไปอย่างนั้น โดยไม่เกี่ยวกับสมเด็จฮุนเซนจะได้ประโยชน์หรือเป็นไปตามที่เคยพูดไว้ว่า ไทยจะเปลี่ยนนายกฯ คนใหม่ภายใน 3 เดือนเลย” นายจตุพร กล่าว