คลังลุย TouristDigiPay ดันยอดใช้จ่ายท่องเที่ยวพุ่ง 1.75 แสนล้าน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดตัว “TouristDigiPay” ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาเปลี่ยนเป็นเงินบาทและนำไปใช้จ่ายผ่าน e-money เพิ่มทางเลือกนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งเสริมการนำนวัตกรรมและสินทรัพย์ดิจิทัล
สำหรับโครงการดังกล่าว เฟสแรกจะเป็นการการทดสอบ (Sandbox) ระยะเวลา 18 เดือน คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้น 10% คนละ 5,000 บาท หรือปีหนึ่งสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1.75 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ กำหนดวงเงินการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แก่
- ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน กรณีชำระเงินร้านค้ารายย่อย
- ไม่เกิน 500,000 บาทต่อเดือน กรณีชำระเงินแก่ร้านค้าที่ผ่านกระบวนการ Know Your Merchant (KYM)
“ระบบนี้จะช่วยแก้ไขจุดอ่อน เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติ หากเข้ามาไทยระยะสั้นจะไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคาร หรือบัญชีอีมันนี่ได้ แต่โครงการนี้จะช่วยให้ชาวต่างชาติเข้ามาเปิดบัญชีใช้จ่ายง่ายขึ้น แต่จะต้องยืนยันตัวตน และตรวจสอบบัญชีอีมันนี่ เพื่อป้องกันการทุจริต ป้องกันการฟอกเงิน หากไม่ติดบัญชีดำก็สามารถนำมาใช้จ่ายได้”
จากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สู่ 'TouristDigiPay'
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า TouristDigiPay เป็นโครงการต่อยอดมาจากแนวคิด ‘ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ ซึ่งมีข้อจำกัดในพื้นที่การใช้จ่าย และเมื่อพิจารณานโยบายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงปรับรูปแบบนโยบายออกมาเป็น “TouristDigiPay” คือไม่จำกัดพื้นที่ใช้จ่าย แต่กำหนดเฉพาะวงเงินใช้จ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผ่านช่วงการทดสอบแล้ว เราพร้อมขยายวงเงินการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“หากโครงการ TouristDigiPay ไม่มีปัญหาใดๆ เราพร้อมขยายวงเงินให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และอนาคตอาจจะสามารถนำสินทรัพย์ดิจิทัล มาแปลงเป็นเงิน และซื้อมูลค่าสูงกว่านี้ได้ เช่น เรือยอร์ช เป็นต้น”
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ก.ล.ต.จะเป็นผู้ไปออกขั้นตอน ควบคุมการฟอกเงิน จากนั้น ก.ล.ต. จะเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และให้บริการ e-money เข้ามาสมัครร่วมโครงการภายในเดือนก.ย.68 และจะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์อีกครั้ง
ต่างชาติต้อง KYC ตามเกณฑ์ ปปง.
นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า โครงการ TouristDigiPay เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ร่วมกับผู้ให้บริการ e-money ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. สามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล คาดว่าในเฟสแรกนี้ จะมีธุรกิจเข้าร่วม 4-5 แห่ง
สำหรับการใช้จ่ายภายใต้ TouristDigiPay นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถสแกนชำระเงิน เช่น ผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน เป็นต้น กับร้านค้าต่าง ๆ ได้ในทุกพื้นที่ในประเทศไทย ทั้งร้านค้าขนาดใหญ่ และพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย ทั้งนี้ ไม่มีการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ (Means of Payment) กับร้านค้า โดยร้านค้าจะได้รับชำระค่าสินค้าหรือบริการเป็นสกุลเงินบาท
“เราไม่จำกัดสกุลเงินดิจิทัลที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาแลกเป็นสกุลเงินบาท เพื่อใช้จ่ายในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการรับซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ขณะเดียวกัน เรายังไม่กำหนด หากนักท่องเที่ยวมีสกุลเงินบาทเหลือ อยากแลกกลับไปเป็นคริปโทเคอเรนซี่ ก็สามารถแลกไปสกุลเงินใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแลกกลับสกุลเงินเดิม”
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการ จะต้องผ่านกระบวนการทำความรู้จักตัวตนของผู้ใช้บริการ (KYC/CDD) ตามเกณฑ์ของ ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ให้บริการ e-money ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจเข้ามาหารือเพื่อเตรียมความพร้อม (pre-consultation) ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนส.ค.68 คาดว่าจะสามารถเริ่มให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2568