สื่อเขมรเหน็บไทย! ประเทศใช้มงกุฏความงาม แต่กัมพูชาใช้ความจริง
จากกรณีที่ ศบ.ทก.แต่งตั้งให้บุ๋ม ปนัดดา อดีตนางสาวไทยมาทำหน้าที่ตอบโต้เฟกนิวส์กัมพูชา ล่าสุด วันที่ 9 ส.ค.2568 เพจเฟซบุ๊ก The Phnom Penh Post ได้ออกมาพูดถึงไทยที่เอามงกุฎความงามมาเป็นกลยุทธการสื่อสาร ในขณะที่กัมพูชาใช้ความจริงเท่านั้น
โดยระบุว่า Thailand Brings a Tiara Cambodia Brings the Truth หรือ ประเทศใช้มงกุฏความงาม กัมพูชาใช้ความจริง
ไม่บ่อยนักที่อดีตนางสาวไทยจะได้รับมอบหมายให้ปกป้องสิทธิ์เหนือดินแดนของประเทศ แต่นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยได้ตัดสินใจแล้วว่า ในบริบทของข้อพิพาทชายแดนที่ซับซ้อนและยาวนานหลายทศวรรษ อาวุธที่ดีที่สุดในคลังแสง คือ โฆษกอาสาสมัคร ที่มีมงกุฎความงาม
แม้บางคนจะชื่นชม แต่ส่วนใหญ่คงมองว่า การกระทำของไทยเป็นเพียงกลอุบาย ที่ไทยเชื่อว่า หากข้อเท็จจริงไม่เข้าข้าง จึงลองเปลี่ยนวิธีด้วยการนำรอยยิ้มที่มีเสน่ห์เข้ามาช่วย สื่อกัมพูชายังทิ้งคำถามด้วยว่า สิ่งนี้คือ กลยุทธ์การสื่อสารสาธารณะ ใช่หรือไม่
กัมพูชาต่อสู้กับข่าวปลอมมานาน ก่อนที่ข้อพิพาทนี้จะเกิดขึ้นเสียอีก และมีการรณรงค์โครงการ Say No to Fake News ทั่วประเทศมาเป็นเวลา 7 เดือนแล้ว แต่อันที่จริงรัฐบาลกัมพูชาพยายามต่อต้านข้อมูลบิดเบือนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยได้รับการสนับสนุนจากการศึกษาสาธารณะ การฝึกอบรมความรู้ด้านสื่อ และระบบตรวจสอบข้อเท็จจริงแบบเร่งด่วน ความพยายามเหล่านี้ล้วนเป็นเชิงรุก มีความรับผิดชอบ และสอดคล้องกับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ผลงานที่ผ่านมาทำให้จุดยืนของกัมพูชาเกี่ยวกับข้อพิพาทนี้น่าเชื่อถือมากขึ้น เพราะเรายึดมั่นในหลักการเดียวกัน เราไม่ต้องการเวที มงกุฎ หรือการแถลงข่าวที่ตื่นตาตื่นใจเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหาของเรา เรามีเอกสารสำคัญ แผนที่ สนธิสัญญา และเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความสำคัญยิ่งกว่าเสียงใดๆ
ในทางตรงกันข้าม การเคลื่อนไหวของไทยบ่งบอกถึงกลยุทธ์ด้านสื่อมากกว่าเรื่องพรมแดน มันคือการเปลี่ยนจากการทูตไปสู่การเบี่ยงเบนความสนใจ เปลี่ยนประเด็นสำคัญเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของชาติให้กลายเป็นโรงละครแห่งเสน่ห์ และในโรงละคร ผู้ชมอาจปรบมือ แต่พวกเขาแทบไม่ได้แนวทางที่ชัดเจน
กัมพูชาตอบโต้ด้วยเอกสาร หลักฐาน และความน่าเชื่อถือของประเทศที่มุ่งมั่นต่อสู้กับข้อมูลเท็จอยู่แล้ว ส่วนไทยตอบโต้ด้วยการปรับโฉมการประชาสัมพันธ์ หากนี่เป็นการประกวดชุดประจำชาติยอดเยี่ยม บางทีอาจจะได้ผล แต่พรมแดนไม่ได้ถูกตัดสินจากความสง่างามและชุดราตรี แต่ถูกตัดสินด้วยประวัติศาสตร์และกฎหมาย
กัมพูชาจะยังคงทำในสิ่งที่เคยทำมาโดยตลอด นั่นคือการนำเสนอข้อเท็จจริง ปกป้องอธิปไตย และยึดมั่นในความจริงโดยยึดหลักการ ไม่ใช่การแสดง และเมื่อถึงเวลาสุดท้าย ข้อเท็จจริงจะยังคงอยู่ พรมแดนจะยังคงและประเทศกัมพูชาก็จะยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดแล้ว กัมพูชายืนยันว่าจะยังคงยึดมั่นในหลักการเดิม คือการใช้ข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือหลักในการปกป้องดินแดนของชาติ เพราะ พรมแดนไม่อาจถูกตัดสินด้วยภาพลักษณ์ แต่ด้วยประวัติศาสตร์และเอกสารที่จับต้องได้