“มาริษ” ถก ทูตไทยในต่างแดน หลังผลเจรจา GBC เป็นผลบวก
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ร่วมกับคณะเอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตไทย และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศ จาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน
โดยนายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุมจีบีซี และข้อตกลงที่ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องร่วมกัน 13 ข้อ ว่า เป็นพัฒนาการ และก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงการต่างประเทศพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป
นายมาริษ กล่าวต่ออีกว่า ในช่วงการประชุม GBC เราให้การสนับสนุนกองทัพในการเจรจา โดยจะต้องเข้าใจว่าการประชุม GBC เป็นการประชุมที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน จึงต้องสนับสนุนบทบาทของกองทัพด้วย สิ่งที่อยากให้ตระหนักคือ แม้จะเป็นการประชุมที่ประเทศมาเลเซีย แต่ถือเป็นการเจรจาทวิภาคี เราไม่ได้ต้องการผู้ที่จะมาเป็นตัวกลางหรือคนคอยไกล่เกลี่ย เพราะเรามั่นใจในสิ่งที่เราทำมาโดยตลอด เราเรียกร้องในสิ่งที่รัฐบาลเรียกร้องมาโดยตลอดว่า ปัญหาเกิดขึ้นโดยสองประเทศ ซึ่งจะต้องมีความจริงใจในการเจรจาทวิภาคีเป็นไปตามกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และกฎหมายระหว่างประเทศ
ฉะนั้น สิ่งที่เราพยายามรณรงค์โดยตลอดคือ สิ่งที่ถูกต้องทำให้ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาประชาคมโลกได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ทำให้ทหารทำงานได้อย่างสบายใจว่านโยบายการทูตสนับสนุนเขาอยู่ตลอดเวลา นับเป็นสิ่งที่ดีมากทำให้เราประสบความสำเร็จในสิ่งที่เราต้องการ
“ ผลการประชุม GBC ภาพรวมดีมาก เราได้เงื่อนไขและรายละเอียดตามที่เราต้องการเพื่อที่จะนำไปปฏิบัติต่อไป ทำให้ทุกคนได้เห็นว่าจำเป็นต้องใช้กลไกที่มีอยู่ ซึ่งผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจขอบคุณผู้บริหารกระทรวงทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต การที่เราช่วยกันอธิบายให้ประชาคมโลกรู้เป็นสิ่งที่จำเป็น เราไม่ได้กล่าวหาใครแต่เรายืนยันในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงในสิ่งที่เราถูกกระทำ และเราไม่เคยต้องการที่จะเริ่มโจมตีใครก่อน เป็นเพียงการตอบสนองจากกองทัพ เพื่อปกป้องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ยืนยันว่าไทยทำถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขอให้สบายใจได้ ” นายมาริษ กล่าว
ทั้งนี้ นายมาริษ คาดหวังในข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกับกัมพูชา ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเงื่อนไขเรื่องการยุติสงครามข่าวสาร โดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ได้ออกมาพูดชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ใช้เฟกนิวส์ เพราะจะทำให้มีความยากลำบากนำไปสู่ความไม่เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ไม่เป็นผลดีต่อการแสวงหาการแก้ไขอย่างสันติวิธีและอย่างจริงใจ
นายมาริษ ย้ำว่า ไทยไม่เคยเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือน รัฐบาลไทยมุ่งมั่นแก้ปัญหาชายแดนผ่านกลไกทวิภาคีด้วยความจริงใจและสุจริตใจ หวังว่ากัมพูชาจะตอบสนองเช่นกัน ท้ายที่สุดเชื่อว่าความจริงจะชนะทุกสิ่ง ไทยอธิบายด้วยหลักการความเป็นจริงและมีหลักฐานที่ชัดเจน จึงขอให้เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่และสถานเอกอัครราชทูตทุกแห่งดำเนินการเชิงรุก ชี้แจงข้อเท็จจริงบนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์พิสูจน์ได้ โดยสั่งการให้ทุกกรมที่เกี่ยวข้องได้ส่งข้อมูลให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
ขณะที่ ข่าวปลอมในช่วงที่ผ่านมา กัมพูชาดำเนินการอย่างเป็นระบบ ขอให้ทุกคนติดตามความเคลื่อนไหวของกัมพูชาอย่างจริงจัง ช่วยกันประเมินถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และติดตามว่ากัมพูชาได้ยุติการกระทำดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากเป็นเงื่อนไขในการประชุม GBC ว่ากัมพูชาจะยุติเรื่องนี้อย่างจริงจัง